Showing posts with label preeda limnontakul. Show all posts
Showing posts with label preeda limnontakul. Show all posts

ข่าวประชา สัมพันธ์ที่ 9 : เชิญร่วมประชุมสัมมนา "เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับคนพิการ เพื่อสังคมไทย"

เรียนเชิญ ผู้ประกอบการ กลุ่มแรงงานคนพิการ และผู้สนใจ

ร่วมประชุมสัมมนาในหัวข้อการสัมมนา

“เทคโนโลยี สารสนเทศสำหรับคนพิการ เพื่อสังคมไทย

กลุ่ม เป้าหมาย

  1. ภาค รัฐและภาคเอกชนที่ดำเนินงานเกี่ยวกับคนพิการ
  2. ผู้ประกอบการ
  3. กลุ่มแรงงานผู้พิการ
  4. ประชาชน ผู้สนใจทั่วไป
วัตถุประสงค์
  1. เพื่อ ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับควารู้ในการจ้างแรงงานคนพิการ
  2. เพื่อ ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกใน การทำงานสำหรับคนพิการ
  3. เพื่อ ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความเข้าใจในความต้องการของทั้งสถานประกอบการ และ ผู้ใช้แรงงาน

76 : เอกสารเพิ่มเติม "ใบสั่งยาคนไข้นอก" เพื่อยืนยันว่าต้องสั่งซื้อโดยแพทย์ (การพิทักษ์สิทธิ์ตอนที่ 6)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน จากตอนที่ 75 จะพบว่าผมก็ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอรถเข็นไฟฟ้าเสียที เพราะว่าไปๆ มาๆ ด้วยความหวังดีจากเจ้าหน้าที่ประกันสังคม จังหวัดนนทบุรี เกรงว่า ถ้ายื่นเรื่องแบบไม่เตรียมการให้ดี อาจล่าช้า เพราะว่าเอกสารอาจสูญหายได้ จึงอยากให้มี "ใบสั่งซื้อ" รถเข็นไฟฟ้า และเบาะรองนั่ง จากทางโรงพยาบาล เพิ่มเติมจากใบเสนอราคา และข้อกำหนดของอุปกรณ์ (รถเข็นไฟฟ้า และเบาะรองนั่ง) ตามภาพเอกสารข้างล่างครับ ...อ่านต่อ.....


75 : ตัวอย่าง "ใบรับรองรายการยาและอวัยวะเทียมที่ไม่มีจำหน่ายในสถานพยาบาล" และ "ใบรับรองแพทย์" (การพิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 5)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ มาตามกันอ่านต่อเรื่องการพิทักษ์ ของประกันสังคมกรณีสมาชิกฯ ต้องกลายมาเป็นผู้ทุพพลภาพ ซึ่งผมเคยเกริ่นเอาไว้ว่าได้รับสิทธิ์นอกเหนือจากเงินเดือน (ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนสูงสุด) และค่ารักษาพยาบาลที่เบิกได้เพียง 2,000 บาทเท่านั้น (สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ รวบรวมบทความการพิทักษ์สิทธิ์)

แล้วผมทอ้งค้างไว้ว่าจะนำตัวอย่าง "ใบรับรองรายการยาและอวัยวะเทียมที่ไม่มีจำหน่ายในสถานพยาบาล" และ "ใบรับรองแพทย์" ของผมมาให้ดู เพื่อจะได้เอาไว้ให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างครับ เพียงแต่ว่ามันอาจจะดูเลอะเทอะหน่อย เพราะว่าต้นฉบับเดิมฝก็ไม่ชัดอยู่แล้ว แต่ยังไงก็คลิ๊กที่ภาวพเพื่อดูรูปขยายได้เลยนะครับ .....อ่านต่อ



74 : รายละเอียดบัญชีประเภทและอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค กรณีทุพพลภาพ สิทธิ์ประกันสังคม (พิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 4)

สวัสดีครับ เพื่อนที่ตามอ่านบทความเรื่องการพิทักษ์สิทธิ์นะครับ ที่ส่วนใหญ่จะเกิดจากประสบการณ์จริงของผมเอง ซึ่งในตอนนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องประกันสังคมนะครับ ส่วนบทความที่เกี่ยวของเรื่องการพิทักษ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่ที่หน้ารวม "บทความการพิทักษ์สิทธิ์" นะครับ

เพื่อนๆ สามารถดูรายละเอียดของรายการบัญชีประเภทและอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค กรณีทุพพลภาพ ทั้ง 3 หน้าได้ ซึ่งเป็นเอกสารหน้าที่ 114-116 มี 3 หัวข้อคือ ประเภทของอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์, หน่วย และราคาต่อหน่วย ซึ่งหมายถึงราคาที่สามารถเบิกจ่ายได้ ไม่เกินในราคาที่ตารางสรุปไว้นะครับ .....
อ่านต่อ


71 : แล้วผมก็ได้ทราบเรื่องสิทธิ์ประกันสังคม อย่างที่ไม่เคยนึกว่าจะเป็นไปได้ (พิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 3)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่ได้ติดตามอ่านเรื่อง "การพิทักษ์สิทธิ์" ตั้งแต่ ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ที่ผ่านมา ตอนนี้ผมได้นำเรื่องที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมี หรือไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมี สำหรับสิทธิ์ประกันสังคม ก็คือ กรณีที่ผู้ประกันตนประกันสังคม ถ้ากลายสภาพเป็นผู้ทุพพลภาพ จะมีสิทธิ์ได้รับรถเข็นไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 150,000 บาท และเบาะลม ราคาไม่เกิน 8,900 บาท แล้วทำไมเรื่องนี้ผมถึงไม่ทราบ ผ่านมาตั้ง 6 ปีกว่า (หมายถึงตอนที่พึ่งรู้เรื่องนี้นะครับ) ลองตามอ่านเรื่องราวกันเลยครับ .....อ่านต่อ


70 : ทบทวนการพิทักษ์สิทธิ์ตั้งแต่ก่อนที่จะสนใจเขียนบทความ "การพิทักษ์สิทธิ์" (พิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 2)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่ติดตามบทความด้านการพิทักษ์สิทธิ์ ของผม ที่มีที่มาว่า ช่วงหลังนี้ผมเริ่มอยากจะศึกษาด้านสิทธิของผู้พิการ เพื่อจะได้นำมาแนะนำเพื่อนๆ จะได้นำไปใช้ เพื่อรักษาสิทธิ์ ทำให้สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ครับ

ก่อนจะไปถึงสิทธิ์ในเรื่องอื่นๆ ผมคงจะต้องขอแนะนำลักษณะของผมให้ได้อ่าน และเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ก็คือ ผมเป็นผู้พิการภายหลัง ตอนอายุ 29 ปี ทำให้ไดรับสิทธิ์ประกันสังคม กรณีประสบอุบัติเหตุ จนเป็นผู้ทุพพลภาพ รวมทั้งการได้รับสิทธิ์ชดเชยจากประกันภาคสมัครใจต่างๆ และด้วยความที่ว่า ผมเป็นคนชอบศึกษาในสิ่งรอบๆ ตัว ทำให้ผมได้พบในภายหลังว่า หลายเรื่องที่ผมศึกษา และได้ลงมือทำ จนเขียนเป็นบทความไว้หลายบทความในเว็บบล็อกนี้ เป็นเรื่องของการพิทักษ์สิทธิ์ ผมจึงอยากรวบรวมไว้ให้เป็นเรื่องเป็นราว ครับ

เริ่มจากตอนที่ผมรถคว่ำนั้น ผมได้ใช้สิทธิ์ของ พรบ.ภาคบังคับ ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล (ที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม) ควบคู่กับการใช้สิทธิ์ประกันสังคม ผมเคยเขียนบทความที่ว่า ผมจะต้องเลือกระหว่างสิทธิ์ประกันสังคม หรือสิทธิ์กองทุนเงินทดแทน ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ยังใช้สิทธิ์ของผมเกี่ยวกับประภันภัยภาคสมัครใจไปอีก 1 กรมธรรม์ ซึ่งอันที่จริงแล้วสามารถเก็บไว้ใช้ทีหลังได้ครับ ในที่สุดผมก็ต้องใช้สิทธิ์ ของความเป็นผู้ป่วย หรือที่เขาเรียกกันทั่วไปว่า สิทธิ์ในการขอย้ายโรงพยาบาลไปอีกแห่งหนึ่ง ..... อ่านต่อ

62 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 4 (ตอนจบ)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน ที่ได้ติดตามอ่านบทความซีรี่ส์ 4 ตอน "ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 3, ตอน 2 และ ตอน 1 นะครับ บทความนี้เป็นตอนจบแล้วนะครับ มาช่วยกันลุ้นว่า ตกลงผมเป็น "โรคเรื้อนแบบไม่ติดต่อ" หรือเปล่านะครับ

บทความนี้ ผมขอเป็นเนื้อหาล้วนๆ เลยนะครับ

ถึงเวลานัดพบคุณหมอ แล้วละครับ เป็นคุณหมอท่านเดิมที่ผมเคยรักษาผมครั้งแรก ผมตั้งใจว่า จะกินยาสเตรียลอยด์จนกว่าอาการจะเริ่มเข้าที่ คือ ผมทราบว่ามันเป็นยาครอบจักรวาล แต่ก็จำยอมต้องกินครับ และก็ตั้งใจว่า จะมาสารภาพความจริงทั้งหมด กับคุณหมอ ทั้งเรื่องการดูอินเตอร์เน็ต ทั้งการตัดสินใจทานยาเอง (แบบว่า สั่งยาเอง) ทั้งการทานอาหารต่างๆ .....อ่านต่อ


60 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 2

สวัสดีครับ เพื่อนๆ จากบทความตอนที่แล้ว 59 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 1 ผมอยากจะอธิบายถึง อาการของการแพ้ภูมิฯ ตามที่คุณหมอสันนิษฐานคือ ปกติมนุษย์จะมีการลอกผิวหนัง เป็นหนังกำพร้า (ผมเคยเรียนมาตอนมัธยมเหมือนกัน) ช่วงการผลัดเซลล์ผิวหนังนี้เอง ที่ตัวผมแพ้ ทำให้เกิดอาการผื่นบริเวณตามตัว มือ แขน เท้า ช่วงขา

ส่วนตัวแล้ว ผมฝก็ไม่ใช่หมอ จึงวิเคราะห์อะไรไม่ได้ รู้แต่ว่าต้องทานยาสเตรียลอยด์ 5 มิลลิกรัม วันละ 6-8 เม็ด กับยาแก้คัน (น่าจะเป็นยาแก้ภูมิแพ้อีกชนิดหนึ่ง) และผมก็ได้ยินชื่อโรคนี้จากคุณหมอว่า โรคผิวหนัง BP (โรคบีพี) พอทานยาตามที่คุณหมอจ่ายยาให้ทาน ก็ดูอาการจะดีมากๆ ถ้าจำไม่ผิดผมรักษาตัวกับคุณหมอที่สันนิษฐานว่า ผมเป็นภูมิแพ้ฯ อยู่ประมาณ 6 เดือน ...อ่านต่อ


58 : สาเหตุของสายสวนตัน แบบที่คุณอาจนึกไม่ถึงครับ

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน บทความคราวนี้ผมอยากเล่าประสบการณ์ตรงให้ฟัง เกี่ยวกับสาเหตุ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายสวนตัน ซึ่งผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า อาจเป็นแค่ข้อสันนิษฐานของผมกับม้าไพเท่านั้นนะครับ คราวนี้ผมอยากแนะนำว่า เพื่อนๆ ที่พึ่งมาอ่านบทความนี้ โดยที่ยังไม่เคยอ่าน 4 ตอนก่อนหน้านี้ ก็สามารถอ่านย้อนหลังได้นะครับ คือ ตอนที่57 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตอนที่ 4 และก็อีก 3 ตอนก่อนหน้า ตอนที่ 1, ตอนที่ 2 และตอนที่ 3 ครับ เพราะเกี่ยวข้องกันครับ

หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลมา (จากบทความที่ 57) ผมก็ดำเนินชีวิตตามปกติทุกอย่าง ยกเว้น 2 เรื่อง คือ ต้องถูกเข็มฉีดยาเจาะ 12 วัน เพื่อรับยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ และที่บ้านเปลี่ยนน้ำเปล่าที่ดื่มทุกวัน เป็นน้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำยี่ห้อดัง (ที่ซื้อมานานหลายปีเหมือนกัน) ครับ

มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับผมครับ ...อ่านต่อ

ข่าวประชาสัมพันธ์ที่ 9 : เชิญร่วมประชุมสัมมนา "เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับคนพิการ เพื่อสังคมไทย"

กำหนดการประชุมสัมมนาการจัดทำเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้

ภายใต้โครงการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วย ICT

เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับคนพิการ เพื่อสังคมไทย

วันอังารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

จังหวัดชลบุรี

โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การดำเนินการจัดสัมมนา

หัวข้อการสัมมนา เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับคนพิการ เพื่อสังคมไทย

กลุ่มเป้าหมาย 1. ภาครัฐและภาคเอกชนที่ดำเนินงานเกี่ยวกับคนพิการ

2. ผู้ประกอบการ

3. กลุ่มแรงงานผู้พิการ

4.ประชาชนผู้สนใจทั่วไป

วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับควารู้ในการจ้างแรงงานคนพิการ

2. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานสำหรับคนพิการ

3. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความเข้าใจในความต้องการของทั้งสถานประกอบการ และ ผู้ใช้แรงงาน

ระยะเวลา 09.00-16.00 น. วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รูปแบบ สัมมนา

สถานที่ จังหวัดชลบุรี

จำนวน จำนวนไม่น้อยกว่า 140 คน

เว็บไซด์ http://www.equitable-society.com/

อีเมล์ ict@9expert.co.th

ติดต่อเข้ารับฟัง

การสัมมนา 02 9440 009 ต่อ 102 (วันธรรมดา)

081 821 8971 (เสาร์- อาทิตย์)


กำหนดการประชุมสัมมนากิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้

เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับคนพิการ เพื่อสังคมไทย

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ณ. ห้องณุสา 1 โรงแรมฟูราม่า จอมเทียน บีช พัทยา จังหวัดชลบุรี

โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

08.15 – 09.00 น. ลงทะเบียน

09.15 – 09.30 น. กล่าวรายงาน

โดย นางทรงพร โกมลสุรเดช

ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

09.30 – 9.45 น. กล่าวเปิดงาน

โดย นายสือ ล้ออุทัย

ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

09.45 – 10.15 น. เรื่อง บทบาทของ ICT ต่อการพัฒนาคนพิการ

โดย นางทรงพร โกมลสุรเดช

ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

10.15 – 10.30 น. รับประทานอาหารว่าง

10.30 – 12.00 น. บรรยาย เรื่อง กฎหมายด้านการทำงานของคนพิการ และการรับผิดชอบต่อสังคม

วิทยากร: คุณสมชาย ศิโรรัตน์

หน่วยงาน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี

12.00 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน

13.00 – 14.15 น. บรรยาย เรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับคนพิการ

วิทยากร : คุณชูเกียรติ สิงสูง

หน่วยงาน ประธานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย

14.15 –14.30 น. รับประทานอาหารว่าง

14.30 – 16.00 น. เสวนา เรื่อง “งานสำหรับผู้พิการ และการบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ”

ผู้ร่วมเสวนา ตัวแทนผู้ประกอบการ และ ตัวแทนกลุ่มลูกจ้างผู้พิการ
บริษัท แอดแวนซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

ดำเนินรายการโดย : คุณปรีดา ลิ้มนนทกุล

กรรมการผู้จัดการบริษัท พีดับบลิวดี เอาท์ซอส เมเนจเมนท์ จำกัด

โรคจากการเป็นผู้ทุพพลภาพ

76 : เอกสารเพิ่มเติม "ใบสั่งยาคนไข้นอก" เพื่อยืนยันว่าต้องสั่งซื้อโดยแพทย์ (การพิทักษ์สิทธิ์ตอนที่ 6)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน จากตอนที่ 75 จะพบว่าผมก็ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอรถเข็นไฟฟ้าเสียที เพราะว่าไปๆ มาๆ ด้วยความหวังดีจากเจ้าหน้าที่ประกันสังคม จังหวัดนนทบุรี เกรงว่า ถ้ายื่นเรื่องแบบไม่เตรียมการให้ดี อาจล่าช้า เพราะว่าเอกสารอาจสูญหายได้ จึงอยากให้มี "ใบสั่งซื้อ" รถเข็นไฟฟ้า และเบาะรองนั่ง จากทางโรงพยาบาล เพิ่มเติมจากใบเสนอราคา และข้อกำหนดของอุปกรณ์ (รถเข็นไฟฟ้า และเบาะรองนั่ง) ตามภาพเอกสารข้างล่างครับ


การเตรียมเอกสาร "ใบสั่งยาคนไข้นอก" หรือ "ใบสั่งซื้อ" จากทางโรงพยาบาลนั้น มีข้อควรระวัง คือต้องเขียนรายละเอียดให้ตรงกับ ใบรายการตามข้อกำหนดของประกันสังคมตามรายละเอียดใน ตอนที่ 74 ครับ

นอกเหนือจากเอกสารเพิ่มเติมดังกล่าวแล้วปรากฏว่า น้องสาวผมได้ไปยื่นเรื่อง กลับได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมอีก ซึ่งต้องยอมรับเลยครับว่า ตอนแรกผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมต้องมีอะไรอีก จะพิสูจน์อะไรมากมาย ในเมื่อตัวผมก็เป็นคนพิการรุนแรง หรือทุพพลภาพ ตามนิยามของประกันสังคม แต่พอได้ฟังคำอธิบาย รวมทั้งทราบว่าเอกสารอะไรที่ เจ้าหน้าที่ประกันสังคมต้องการเพิ่มเติม ก็พอที่จะยอมรับได้ ยอมรับอย่างไร และเป็นเอกสารอะไร เพื่อนๆ ลองติดตามอ่านกันต่อนะครับ

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
086-314-7866

75 : ตัวอย่าง "ใบรับรองรายการยาและอวัยวะเทียมที่ไม่มีจำหน่ายในสถานพยาบาล" และ "ใบรับรองแพทย์" (การพิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 5)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ มาตามกันอ่านต่อเรื่องการพิทักษ์ ของประกันสังคมกรณีสมาชิกฯ ต้องกลายมาเป็นผู้ทุพพลภาพ ซึ่งผมเคยเกริ่นเอาไว้ว่าได้รับสิทธิ์นอกเหนือจากเงินเดือน (ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนสูงสุด) และค่ารักษาพยาบาลที่เบิกได้เพียง 2,000 บาทเท่านั้น (สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ รวบรวมบทความการพิทักษ์สิทธิ์)

แล้วผมทิ้งค้างไว้ว่าจะนำตัวอย่าง "ใบรับรองรายการยาและอวัยวะเทียมที่ไม่มีจำหน่ายในสถานพยาบาล" และ "ใบรับรองแพทย์" ของผมมาให้ดู เพื่อจะได้เอาไว้ให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างครับ เพียงแต่ว่ามันอาจจะดูเลอะเทอะหน่อย เพราะว่าต้นฉบับเดิมก็ไม่ชัดอยู่แล้ว แต่ยังไงก็คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรูปขยายได้เลยนะครับ



เบื้องต้นนี้ต้องขอขอบคุณ คุณหมอรัฐดำรง ธรรมโชติ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างเกี่ยวกับการออกใบรับรองต่างๆ ให้ผม คุณหมอรัฐดำรง เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบกระเพาะปัสสาวะ ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลพญาไท 1 ลงตรวจช่วง 17.00 - 19.00 น. ของทุกวันอังคารครับ

และถ้าเพื่อนๆ สังเกตดูให้ดีๆ จะเห็นว่า ใบรับรองแพทย์นี้ คุณหมอเซ็นต์ไว้ให้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ.2551 ซึ่งปัจจุบันเดือนธันวาคม ส่วนหนึ่งก็มาจากทางผมล่าช้า เนื่องจากยังไม่ได้รีบร้อนมาก วนหนึ่งก็มาจากการได้รับข้อมูลในการเดินเรื่องไม่สมบูรณ์ จึงทำให้ไม่ทราบขั้นตอนที่ชัดเจน ซึ่งผมจะได้นำขั้นตอนที่ถูกต้องมาบอกเพื่อนๆ ให้ได้ทราบกัน

ดังนั้นเบื้องต้น ถ้าใครจะเบิกอุปกรณ์ใดๆ ตามรายการที่ผมได้เคยให้รายละเอียดไว้ในตอนที่ 74 นั้น ก็ต้องมีเอกสารทั้ง 2 ใบข้างต้นแนบด้วยเสมอนะครับ ส่วนตอนหน้าก็ลองติดตามอ่านต่อนะครับว่า ที่ว่าผมได้รับข้อมูลผิดพลาด จึงทำให้ยังเบิกจ่ายไม่ได้นั้น มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง เพื่อนๆ ที่อยากรักษาสิทธิ์จะได้ไม่ต้องผิดพลาดเหมือนผมครับ

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Director
mobile : 086-322-9307
Email : preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd.
Website : http://www.pwdom.com/

74 : รายละเอียดบัญชีประเภทและอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค กรณีทุพพลภาพ สิทธิ์ประกันสังคม (พิทักษ์ฒสิทธิ์ ตอนที่ 4)

สวัสดีครับ เพื่อนที่ตามอ่านบทความเรื่องการพิทักษ์สิทธิ์นะครับ ที่ส่วนใหญ่จะเกิดจากประสบการณ์จริงของผมเอง ซึ่งในตอนนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องประกันสังคมนะครับ ส่วนบทความที่เกี่ยวของเรื่องการพิทักษ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่ที่หน้ารวม "บทความการพิทักษ์สิทธิ์" นะครับ

เพื่อนๆ สามารถดูรายละเอียดของรายการบัญชีประเภทและอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค กรณีทุพพลภาพ ทั้ง 3 หน้าได้ ซึ่งเป็นเอกสารหน้าที่ 114-116 มี 3 หัวข้อคือ ประเภทของอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์, หน่วย และราคาต่อหน่วย ซึ่งหมายถึงราคาที่สามารถเบิกจ่ายได้ ไม่เกินในราคาที่ตารางสรุปไว้นะครับ

ส่วนกลุ่มของอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ มีดังนี้ คือ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค ที่มีรายการสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ประกันสังคม ที่กลายเป็นผู้ทุพพลภาพ สามารถเบิกจ่ายได้ มีทั้งแบบครั้งเดียว และรายเดือน ถือว่าเบิกจ่ายได้นอกเหนือ จากเงินเดือน และเงินค่ารักษาพยาบาล


เพื่อนๆ สามารถคลิ๊กที่ภาพสแกนได้เลยจะได้เห็นรายละเอียดชัดเจน สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ฯ ก็ศึกษาดูว่า จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ฒฬดในการดำรงชีวิต ก็ควรติดต่อประกันสังคมที่ติดต่ออยู่เป็นประจำ ควรรีบติดต่อเดินเรื่อง อย่าปล่อยให้เนิ่นนานเหมือนผมฝตั้ง 7 ปีแล้ว ไม่ทราบเรื่องเลย
รายการที่ผมสามารถเบิกได้คือ
  • รายการที่ 1.3, 2.0 ในหน้า 115 สามารถเบิกได้เพียงครั้งเดียว (แต่ผมยังไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่นะครับ ว่าถ้าอุปกรณ์เกิดพังเสียหาย และมีหลักฐาน จะสามารถเบิกจ่ายได้อีกหรือไม่
  • รายการที่ 5.0 ในหน้า 115 สามารถเบิกจ่ายได้เป็นรายเดือน
  • รายการที่ 6.2.ก และ 6.2.ข ในหน้า 116 สามารถเบิกจ่ายได้เป็นรายเดือน
จริงๆ ข้อมูลของผมจะคล้ายกับกับตอนที่ 71 : แล้วผมก็ได้ทราบเรื่องสิทธิ์ประกันสังคม อย่างที่ไม่เคยนึกว่าจะเป็นไปได้ (พิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 3) แต่พอดีว่า พอผมได้รายละเอียดครบทุกรายการจึงนำมาแจ้งให้เพื่อนๆ ก่อนครับ ตอนหน้าจะเป็นตัวอย่าง การกรอกรายละเอียดใน "ใบรับรองรายการยาและอวัยวะเทียมที่ไม่มีจำหน่ายในสถานพยาบาล" และ "ใบรับรองแพทย์" ซึ่งเป็นเอกสารแบบฟอร์มของประกันสังคมครับ

ก่อนจบบทความ ผมขอขอบคุณ ประกันสังคมจังหวัดนนทบุรี ที่น้องสาวผมได้ไปติดต่อเป็นประจำนะครับ ไม่อย่างนั้น คงไม่ได้รายละเอียดต่างๆ มาฝากเพื่อนๆ กันครับ
.
ขอบคุณครับ
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Managing Director
mobile : 086-314-7866 Email : preeda.limnontakul@gmail.com

70 : ทบทวนการพิทักษ์สิทธิ์ตั้งแต่ก่อนที่จะสนใจเขียนบทความ "การพิทักษ์สิทธิ์" (พิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 2)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่ติดตามบทความด้านการพิทักษ์สิทธิ์ ของผม ที่มีที่มาว่า ช่วงหลังนี้ผมเริ่มอยากจะศึกษาด้านสิทธิของผู้พิการ เพื่อจะได้นำมาแนะนำเพื่อนๆ จะได้นำไปใช้ เพื่อรักษาสิทธิ์ ทำให้สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ครับ

ก่อนจะไปถึงสิทธิ์ในเรื่องอื่นๆ ผมคงจะต้องขอแนะนำลักษณะของผมให้ได้อ่าน และเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ก็คือ ผมเป็นผู้พิการภายหลัง ตอนอายุ 29 ปี ทำให้ไดรับสิทธิ์ประกันสังคม กรณีประสบอุบัติเหตุ จนเป็นผู้ทุพพลภาพ รวมทั้งการได้รับสิทธิ์ชดเชยจากประกันภาคสมัครใจต่างๆ และด้วยความที่ว่า ผมเป็นคนชอบศึกษาในสิ่งรอบๆ ตัว ทำให้ผมได้พบในภายหลังว่า หลายเรื่องที่ผมศึกษา และได้ลงมือทำ จนเขียนเป็นบทความไว้หลายบทความในเว็บบล็อกนี้ เป็นเรื่องของการพิทักษ์สิทธิ์ ผมจึงอยากรวบรวมไว้ให้เป็นเรื่องเป็นราว ครับ

เริ่มจากตอนที่ผมรถคว่ำนั้น ผมได้ใช้สิทธิ์ของ พรบ.ภาคบังคับ ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล (ที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม) ควบคู่กับการใช้สิทธิ์ประกันสังคม ผมเคยเขียนบทความที่ว่า ผมจะต้องเลือกระหว่างสิทธิ์ประกันสังคม หรือสิทธิ์กองทุนเงินทดแทน ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ยังใช้สิทธิ์ของผมเกี่ยวกับประภันภัยรถชั้น 1 ภาคสมัครใจไปอีก 1 กรมธรรม์ ซึ่งอันที่จริงแล้วสามารถเก็บไว้ใช้ทีหลังได้ครับ ในที่สุดผมก็ต้องใช้สิทธิ์ ของความเป็นผู้ป่วย หรือที่เขาเรียกกันทั่วไปว่า "สิทธิ์ของผู้ป่วย 10 ข้อ" ในการขอย้ายโรงพยาบาลไปอีกแห่งหนึ่ง
.
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพญาไท 1 ผมได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งที่นี่ผมไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมได้ ผมจึงทราบว่าค่าใช้จ่ายต้องสูงมาก จึงขอทำเรื่องซื้อยาแก้อาการติดเชื้อจากตัวแทนโดยตรง โดยทำหนังสือขออนุญาตไปยังผู้อำนวนการ รพ. และผมยังได้รับสิทธิ์จากประกันอุบัติเหตุภาคสมัครใจอีก 2 กรมธรรม์
.

ขณะรักษาตัว คุณหมอแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด ซึ่งผมเป็นผู้ป่วยที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ แต่ผมกลับไม่ค่อยแฮปปี้กับผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด จึงคุยกับคุณหมอว่า ขอไม่รับการบำบัดจากเจ้าหน้าที่ฯ ที่ รพ. ก็ได้รับการอนุมัติว่าไม่ต้องรับการบำบัดฯ ประเด็นนี้ผมก็ถือว่า ตัวผมเองก็ได้ใช้สิทธิ์ ของความเป็นผู้ป่วย เช่นกัน ผมจำได้ว่า ช่วงนั้นผมศึกษาหาความรู้ อ่านหนังสือ และเอกสารเกี่ยวกับอาการป่วยทั้งจากความพิการ โรคและอาการติดเชื้อพอสมควร จนคุณหมอชมว่า ผมขยัน ในบางเรื่องให้นางพยาบาลฟังคำแนะนำ หรือคำขอของผม เพื่อไปให้คุณหมอพิจารณาอีกที เพราะผมรู้เรื่องของตัวผมเองดีพอสมควร


ผมคิดว่าถ้าตัวผู้พิการเองพยายามศึกษาหาความรู้อย่างถูกต้อง ทั้งจากการค้นคว้าของตนเอง หรือจากสื่อ หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิธีนี้ผมจะทำบ่อยๆ เมื่อสงสัย มีคำถาม ผมจะติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อที่จะได้รับคำตอบอย่างถูกต้อง ไม่ต้องคิดเอง หรือฟังเขาเล่ามา ข้อมูลอาจผิดเพี้ยนไป ในความคิดของผม ถ้าเรามีความรู้ในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะสิทธิต่างๆ ก็จะทำให้เราสามารถพิทักษ์สิทธิ์ของตัวเราเองได้ครับ
.

ผ่านไป 2 ปี ผมต้องมาเรียกร้องสิทธิ์จากค่าความเป็นผู้ทุพพลภาพ จากปรกันภัยรถชั้น 1 ซึ่งผ่านมานาน จนต้องอ้างถึง "กรมการประกันภัย" ว่าถ้าไม่จ่าย ผมจะทำหนังสือร้องเรียน ทางบริษัทฯ จึงรีบจ่ายมา 1 แสนบาทตามกรมธรรม์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ ถ้าผมไม่พิทักษ์สิทธิ์ตัวเอง ก็ไม่ได้รับการชดเชย

ผมหวังว่า เพื่อนๆ หรือผู้ได้อ่านบาทความนี้ คงได้ประโยชน์ด้านแนวคิด ของการศึกษาข้อมูลด้านสิทธิ์ ซึ่งก็จะทำให้สามารถมีความรู้ในการพิทักษ์สิทธิ์ได้ ไม่ใช่ว่าจะเกิดประโยชน์แค่ผู้พิการนะครับ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือคนปกติ ก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเรื่องสิทธิ์ และการพิทักษ์สิทธิ์เช่นกัน ส่วนรายละเอียดต่างๆ ที่ผมเคยนำเสนอเป็นบทความไว้นั้น ผมก็เชื่อมลิ้งค์ไว้ตามคำหรือประโยคที่เกี่ยวข้องแล้วนะครับ คอยติดตามบทความด้านพิทักษ์สิทธิ์กันต่อนะครับ ว่าตอนหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ครับ


ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
.
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Director
mobile : 086-314-7866
Email : preeda.limnontakul@gmail.com


71 : แล้วผมก็ได้ทราบเรื่องสิทธิ์ประกันสังคม อย่างที่ไม่เคยนึกว่าจะเป็นไปได้ (พิทักษ์สิทธิ์ ตอนที่ 3)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่ได้ติดตามอ่านเรื่อง "การพิทักษ์สิทธิ์" ตั้งแต่ ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ที่ผ่านมา ตอนนี้ผมได้นำเรื่องที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมี หรือไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมี สำหรับสิทธิ์ประกันสังคม ก็คือ กรณีที่ผู้ประกันตนประกันสังคม ถ้ากลายสภาพเป็นผู้ทุพพลภาพ จะมีสิทธิ์ได้รับรถเข็นไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 150,000 บาท และเบาะลม ราคาไม่เกิน 8,900 บาท แล้วทำไมเรื่องนี้ผมถึงไม่ทราบ ผ่านมาตั้ง 6 ปีกว่า (หมายถึงตอนที่พึ่งรู้เรื่องนี้นะครับ) ลองตามอ่านเรื่องราวกันเลยครับ

เริ่มเรื่องจากตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2551 ที่ผมเริ่มตั้งบริษัท PWDOM ทำงานด้านการหางานให้สมาชิกผู้พิการ ทำให้ผมได้รู้จักผู้พิการมากมาย ซึ่งก็รวมคุณกิตติชัย และคุณบี (ที่เป็นเจ้าของบริษัทเช่นกัน โดยขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้พิการ เช่น รถเข็น เตียง เบาะ เป็นต้น) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้พิการรุนแรงเช่นกัน เพราะประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน ทำให้บาดเจ็บที่ไขสันหลัง บริเวณคอ และถ้าจะเรียงลำดับด้านความพิการแล้ว พี่กิตติชัยก็ที่ 1 พี่บีที่ 2 ผมดีกว่าพี่บีนิดหนึ่งตรงนิ้วโป้งซ้ายที่ใช้ได้ครับ จึงเป็นที่ 3

พี่กิตติชัยได้เล่าให้ผมฟังว่า มีเพื่อนที่เป็นผู้พิการภายหลัง ซึ่งได้รับสิทธิ์ประกันสังคม สามารถเบิกจ่ายรถเข็นไฟฟ้า ในราคาไม่เกิน 150,000 บาท รวมทั้งเบาะลม ในราคาไม่เกิน 8,900 บาท และอื่นๆ ที่ต้องใช้ประจำเดือนอีกหลายรายการ ทำให้ผมสนใจเป็นอย่างมาก จึงขอข้อมูลเพิ่มเติม และพี่กิตติชัยก็ได้ส่งไฟล์ภาพรายการที่สามารถเบิกจ่ายได้มาให้ พร้อมกับใบรับรองแพทย์ ที่เป็นแบบฟอร์มของประกันสังคม ดังนี้


ข้อมูลแรก เป็นไฟล์ภาพ รายการที่สามารถเบิกจ่ายได้ในกรณีผู้ประกันตน กลายเป็นผู้ทุพพลภาพ ทั้งหมด 6 หัวข้อรายการ ซึ่งผมอ่านดูแล้ว ผมน่าจะสามารถเบิกได้ 4 รายการ คือ
รายการที่ 1.3 รถนั่งคนพิการสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยตนเองตลอดชีวิต แบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (สำหรับผู้ป่วยที่แขนและขาพิการทั้งหมด) ในราคาคันละไม่เกิน 150,000 บาท (มีหมายเหตุด้วยครับว่า ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการการแพทย์ หรือผู้ที่คณะกรรมการการแพทย์มอบหมาย) รายการที่ 2.0 แผ่นรอง แผ่นรองผู้ป่วยกันแผลกดทับ (Cushion) ในราคาแผ่นละ 8,900 บาท
รายการที่ 5.0 ถุงเก็บน้ำปัสสาวะ (Urine Bag) ซึ่งต่อจากสายสวนระยะยาว ในราคาถุงละไม่เกิน 15 บาท เดือนละไม่เกิน 3 ถุง รายการที่ 6.1.ก สายสวนปัสสาวะ (Urine Catheler) ชนิดใช้ระยะยาวแบบ 2 ทาง ในราคาเส้นละไม่เกิน 30 บาท เดือนละไม่เกิน 3 เส้น รายการที่ 6.1.ข สายสวนปัสสาวะ ชนิดใช้ระยะยาวแบบ 3 ทาง ในราคาเส้นละไม่เกิน 120 บาท ในระยะ 2 เดือน ไม่เกิน 1 เส้น

การที่ผมจะสามารถเบิกรายการอุปกรณ์เวชภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้ง 5 รายการข้างบนได้นั้น จะต้องมี "ใบรับรองรายการยา และอวัยวะเทียมที่ไม่มีจำหน่ายในสถานพยาบาล" ที่แพทย์เป็นผู้เซ็นต์รับรอง จากนั้นก็สามารถเดินเรื่องเบิกจ่ายกับทางประกันสังคมที่ติดต่อเป็นประจำได้เลย (ตอนแรกผมเข้าใจว่าทำแค่นี้)

แต่ปรากฎว่า ไม่ง่ายอย่างนั้นครับ ยังมีขั้นตอนเพิ่มเติมอีก ซึ่งผมคงจะขออธิบายเพิ่มเติมในตอนตอไปนะครับ โดยผมจะนำใบรับรองแพทย์ที่ลงรายละเอียดแล้ว มาให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างด้วยนะครับ พร้อมกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง ครับ

ขอบคุณครับ
.
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
mobile : 086-314-7866
Tel.: 02-924-2726 Fax.: 02-924-2726

61 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 3

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 3 แล้วนะครับ สำหรับเรื่องเกี่ยวกับ บทความ : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ (ตอนที่ 1-2) ซึ่งตอนนี้จะต่อจากตอนที่ 2 ในส่วนเนื้อหาที่ผมเชื่อมโยงไว้ในประเด็นที่ผมเริ่มสับสนกับอาการของผม ที่คุณหมอท่านที่ 2 บอกว่า ผมเป็นโรคภูมิแพ้ฯ หรือ โรคบีพี (BP)

คราวนี้ครับผมเริ่มกังวล และอาศัยว่าอยู่ในโลกไอทีพอดี จึงทำการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เสิรช์หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงอนุมาน คิดเอาเองว่า ผมอาจจะจำผิด เลยลองสลับตัวอักษรดู จึงได้โรคใหม่เป็น "โรคพีบี (PB)" เอาละครับ เป็นเรื่องแล้วครับ ผมอ่านไปก็เครียดไป นี่ผมเป็นโรคนี้หรือนี่ ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่เคยเครียด และคิดมากกับโรคที่ป่วยขนาดนี้ครับ

เพราะว่า โรคพีบี ที่ผมค้นเจอมันคือ "โรคเรื้อนชนิดหนึ่ง แบบไม่ติดต่อ" ผมยอมรับว่าคิดไปหลายเรื่อง ตัวผมจะทำยังไงดี รักษาแล้วจะหายไหม ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ คิด...คิด.....คิด.......แล้วก็คิด
  • คุณหมอไม่ค่อยอยากจะพูดถึงโรคสักเท่าไหร่เลย ที่แท้เพราะเราเป็นโรคเรื้อนนี่เอง (ประมาณว่าผมยังไม่รู้ตัวอีกว่าเสิร์ชชื่อโรคผิด)
  • คุณหมอต้องรังเกียจเราแน่ๆ เลย ถึงต้องใส่ถุงมือทุกครั้งที่จับแผลเรา (อันนี้เข้าขั้นคิดมาก แบบมั่วๆ แล้ว เพราะคุณหมอใส่ถุงมือนี่เป็นเรื่องปกติมาก)
  • ยาสเตรียลอยด์ที่คุณหมอให้ เป็นตัวเดียวกันเลย เราต้องเป็นโรคนี้แน่นอนเลย (ไม่น่าคิดมากเลย ยาสเตรียลอยด์เนี่ย มันเป็นยาครอบจักรวาล ใช้รักษาได้หลายโรคมาก)
  • จำนวนเม็ดที่ต้องกิน 6-8 เม็ด เท่ากันเลย ผมเป็นแน่ๆ (อันนี้ ผมคิดว่าเป็นความบังเอิญครับ)
แล้วผมก็ตัดสินใจ ทานยา 6 เม็ดต่อวันติดต่อกัน 1 เดือน แต่วันรุ่งขึ้น ก็มีเหตุทำให้ผมได้ทาน "พิซซ่า" ครับ ตอนนั้นใจอยากทานมากๆ เพราะผมชอบพิซซ่า ต่อให้มีเหตุผลอะไร ก็หยวนๆ คิดว่าคงไม่เป็นไร ที่ไหนได้ เป็นอย่างในภาพข้างล่างครับ สุดๆ ไปเลย





ภาพนี้ บริเวณใต้เข่า ครับ


บริเวณใต้เข่า เช่นกันครับ


ภาพนี้ขึ้นทั้งตัวเลยครับ




ภาพที่ทุกคนเห็น ส่วนตัวแล้วยิ่งตอกย้ำในใจผมว่า ต้องเป็น "โรคเรื้อนแบบไม่ติดต่อ" แน่ๆ เลย พ่วงด้วยความคิดแถมว่า ผมต้องเป็น 2 โรคแน่ๆ เลย รวมทั้งโรคแพ้สารนิกเกิลด้วย ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เลย แล้วผมก็ตั้งหน้าตั้งตากินยาสเตรียลอยด์วันละ 6 เม็ด จนครบ 1 เดือน
ในที่สุดตอนหน้าก็ถึง ตอนที 4 ตอนสุดท้ายของบทความซีรี่ส์เกี่ยวกับอาการโรคแพ้สารอาหารของผมแล้วนะครับ เพื่อนๆ จะได้ทราบว่า "เฉลย" ตอนจบจะเป็นอย่างไร กันนะครับ

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Preeda Limnontakul (SCI-C6)

Managing Director
mobile : 086-314-7866
Email : preeda.limnontakul@gmail.com


62 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 4 (ตอนจบ)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน ที่ได้ติดตามอ่านบทความซีรี่ส์ 4 ตอน "ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 3, ตอน 2 และ ตอน 1 นะครับ บทความนี้เป็นตอนจบแล้วนะครับ มาช่วยกันลุ้นว่า ตกลงผมเป็น "โรคเรื้อนแบบไม่ติดต่อ" หรือเปล่านะครับ

บทความนี้ ผมขอเป็นเนื้อหาล้วนๆ เลยนะครับ

ถึงเวลานัดพบคุณหมอ แล้วละครับ เป็นคุณหมอท่านเดิมที่ผมเคยรักษาผมครั้งแรก ผมตั้งใจว่า จะกินยาสเตรียลอยด์จนกว่าอาการจะเริ่มเข้าที่ คือ ผมทราบว่ามันเป็นยาครอบจักรวาล แต่ก็จำยอมต้องกินครับ และก็ตั้งใจว่า จะมาสารภาพความจริงทั้งหมด กับคุณหมอ ทั้งเรื่องการดูอินเตอร์เน็ต ทั้งการตัดสินใจทานยาเอง (แบบว่า สั่งยาเอง) ทั้งการทานอาหารต่างๆ

หลังจากคุณหมอฟังเรื่องราวต่างๆ เสร็จ ก็ยืนยันกับผมว่า ผมแพ้สารนิกเกิล ซึ่งเป็นส่วนประกอบของอาหารหลายชนิด (แล้วผมจะนำรายละเอียดของอาหารที่มีสารนิกเกิล มาให้อ่านกันนะครับ เป็นอาหารที่ผมชอบมากๆ ทั้งนั้นเลยครับ) ถูกแซวด้วยครับว่า "เมื่อไหร่กินพิซซ่า ตัวก็จะเป็นพิซซ่า แล้วเราก็ต้องมาเจอกัน"

ส่วนตัวผมแล้ว ที่ผมตัดสินใจกลับมาพบคุณหมออีกครั้งหนึ่ง เพราะหลังจากที่ผมทานอาหารบางอย่าง ผื่นแดง หรือ ตุ่มน้ำ จะขึ้นในวันรุ่งขึ้นทันที พร้อมกับอาการคัน เช่น มาม่า ผักกาดดอง พิซซ่า เป็นต้น อาหารบางอย่าง ผิวหนังผมจะแสดงอาการภายใน 6 ชั่วโมง เช่น ข้าวต้มที่ใส่กุ้งแก้ว (เป็นกุ้งตัวเล็กๆ เท่ากุ้งแห้งครับ) เป็นต้น

ก่อนไปพบคุณหมอ ผมยังทำตารางรายการอาหารที่ผมทาน ตลอด 1 เดือน ไปให้คุณหมอด้วยครับ แล้วคุณหมอก็ขอเก็บ "ตารางอาหาร" ของผม เข้าไปไว้ในแฟ้มประวัติผู้ป่วยของทางโรงพยาบาลพญาไท 1 ไว้ด้วยครับ

ประเด็นนี้ ผมขอแนะนำเพื่อนๆ ที่มีญาติเจ็บป่วยอยู่ ลองทำตารางอาหาร และการออกกำลังกายไว้ เพื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้น เวลาเจ็บป่วย คุณหมอก็จะวินิจฉัยโรคได้ง่ายขึ้น ไม่งั้น คุณหมอ ก็อาจจะต้องสันนิษฐานจากอาการ และประสบการณ์ แล้วก็ให้ยาไปทาน ถ้ายังไม่ตรงกับโรค ก็ต้องสันนิษฐานใหม่ ดังนั้น พวกเราก็ควรช่วยคุณหมอด้วย การทำประวัติส่วนตัว ก่อนไปหาคุณหมอ เพราะอาการของโรคบางโรค มันใกล้เคียงกันมาก

ยาที่ผมได้รับมาทาน และทา เพื่อรักษาตัว ตามคำแนะนำของคุณหมอ คือ ยาทา "สตีเวท" และ ยาเม็ด "Xyzal" ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า ต้องรักษาต่อเนื่อง 9 เดือนครับ งั้นผมขอให้ข้อมูลยาทั้ง 2 ตัว เอาไว้ แต่ว่าถ้าจะใช้งานอย่างไร ก็ต้องปรึกษาคุณหมอก่อนนะครับ
ชื่อทางการค้า : สตีเวท (STIVATE) Topical Corticosteroid Cream
ชื่อสามัญทางยา : คลอเบทาซอล โปรปิโอเนท 0.05% w/w (Clobetasol propionate 0.05% w/w)
น้ำหนักสุทธิ : 5 กรัม
ผลิตโดย : Polipharm Co., Ltd. สมุทรปราการ
ภายใต้ลิขสิทธิ์ : Stiefel Laboratories (Thailand) Ltd.
คำโฆษณา : สำหรับอาการอักเสบ และโรคผิวหนังอักเสบบางชนิด
คำอธิบาย : สำหรับทาบรรเทาอาการแพ้ อาการคัน และอาการอักเสบของผิวหนังบางชนิดที่ตอบสนองด้วยยา clobetasol ทาและถูเบาๆ บริเวณที่มีอาการ วันละ 1-2 ครั้ง หรือตามแพทย์สั่ง เก็บไว้ในที่เย็น อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
คุณหมอให้ผมทาหลังอาบน้ำ เช้า เย็น และยังอธิบายให้ผมฟังว่า ยาสตีเวท เมื่อทาแล้ว จะทำให้เคลือบผิวหนัง ทำให้น้ำไม่ออกจากผิวหนัง ผิวหนังก็จะไม่แห้ง ลดการอักเสบ เมื่อเวลาผมใช้งานแล้ว ก็เห็นผลในเวลาไม่กี่วัน
รักษาคู่กับ ยาเม็ด เม็ดลักษณะรี เม็ดเล็กๆ ชื่อทางการค้า คือ Xyzal ชื่อสามัญทางยา คือ Levocetirizine 2HCl ขนาด 5 มิลลิกรัม ทานยาวันละ 1 เม็ด ก่อนนอน ครับ
ผมขอรักษาตัวโรคนี้จนครบ 9 เดือน แล้วผมจะนำกลับมาเขียนให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอีก เป็นภาค 2 ละกันครับ สำหรับบทความในครั้งต่อไป ผมขอนำเรื่อง "แผลกดทับโดยบังเอิญ หรือ ไม่ใช่แผลกดทับกันแน่" แบบ 3 ตอนจบ (ภาคแรก) มาให้อ่านกันนะครับ

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ

Preeda Limnontakul (SCI-C6)
mobile : 086-314-7866
Email : preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd. 

60 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 2

สวัสดีครับ เพื่อนๆ จากบทความตอนที่แล้ว 59 : ตกลงว่าผมมี "สารนิกเกิลตกค้างในร่างกาย" หรือว่า "แพ้ภูมิตัวเองเวลาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกผลัดเซลล์" กันแน่ ตอนที่ 1 ผมอยากจะอธิบายถึง อาการของการแพ้ภูมิฯ ตามที่คุณหมอสันนิษฐานคือ ปกติมนุษย์จะมีการลอกผิวหนัง เป็นหนังกำพร้า (ผมเคยเรียนมาตอนมัธยมเหมือนกัน) ช่วงการผลัดเซลล์ผิวหนังนี้เอง ที่ตัวผมแพ้ ทำให้เกิดอาการผื่นบริเวณตามตัว มือ แขน เท้า ช่วงขา

ส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่ใช่แพทย์ จึงวิเคราะห์อะไรไม่ได้ รู้แต่ว่าต้องทานยาสเตรียลอยด์ 5 มิลลิกรัม วันละ 6-8 เม็ด กับยาแก้คัน (น่าจะเป็นยาแก้ภูมิแพ้อีกชนิดหนึ่ง) และผมก็ได้ยินชื่อโรคนี้จากคุณหมอว่า โรคผิวหนัง BP (โรคบีพี) พอทานยาตามที่คุณหมอจ่ายยาให้ทาน ก็ดูอาการจะดีมากๆ ถ้าจำไม่ผิดผมรักษาตัวกับคุณหมอที่สันนิษฐานว่า ผมเป็นภูมิแพ้ฯ อยู่ประมาณ 6 เดือน

จนกระทั่งผมเริ่มเครียดกับการทานยาสเตรียลอยด์ ที่ต้องเริ่มให้ยาอื่นเพิ่มเติม เช่น แคลเซียมเม็ด แก้กระดูกพรุน เพราะสเตรียลอยด์จะทำให้กระดูกพรุน ต้องทานยารักษากระเพาะ เพราะสเตรียลอยด์จะกัดกระเพาะ เป็นต้น (แล้วก็อย่างที่ทราบในตอนที 54-57 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตอนที่ 1- 4 ที่สารสเตรียลอยด์ยังทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้มแข็งขึ้น จนผมเกิดภาวะติดเชื้อได้) จึงหยุดทานโดยทำการลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนเหลือ 2 เม็ด ทุกๆ สัปดาห์

ซึ่งคุณหมอยังให้คำอธิบายต่อ ถึงอาการแพ้สารนิกเกิล ที่ผมยังติดใจอยู่ ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะทาง รพ. ได้ทำการนำชิ้นเนื้อไปเพาะ และวิเคราะห์แล้ว ทำให้ผมสับสนมากๆ เพราะคุณหมอ 2 ท่านสันนิษฐานโรคต่างกัน ผมจึงตัดสินใจลดยาไว้ก่อนครับ และแล้วผมก็เผลอไปกินอาหารนอกบ้านที่มีชูรสครับ คือ บ้านพี่ที่ผมรู้จัก มีงานทำบุญบ้าน จึงทำต้มยำกุ้งครับ พอกินเข้าไปปั๊บ เชิญชมภาพถ่ายอาการของผมข้างล่างได้เลยครับ













เป็นยังไงบ้างครับเพื่อนๆสยองไหมครับ ผมดูทีไร ถ้าคนไม่เคยรู้จักกันต้องว่าเป็นโรคเอดส์ แน่ๆ เลยครับ เพราะว่ามันเห่อขึ้นมาแบบเยอะมากๆ เลยครับ ถ้าเพื่อนๆ คิดว่านี่เป็นอาการที่เยอะแล้ว มีเยอะกว่านี้อีกครับ ต้องติดตามชมตอนหน้าครับ บอกใบ้ให้ก่อน ภาพถ่ายอาการตอนหน้าเกิดจากการกิน "พิซซ่า" ครับ แล้วลองมาตามอ่านกันดูว่า ถ้าผมสันนิษฐานโรคตัวเองบ้าง แบบว่าลองเชื่อตัวเองดู มันจะออกมาท่าไหนกันครับ

ขอบคุณครับปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ

58 : สาเหตุของสายสวนตัน แบบที่คุณอาจนึกไม่ถึงครับ

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน บทความคราวนี้ผมอยากเล่าประสบการณ์ตรงให้ฟัง เกี่ยวกับสาเหตุ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายสวนตัน ซึ่งผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า อาจเป็นแค่ข้อสันนิษฐานของผมกับม้าไพเท่านั้นนะครับ คราวนี้ผมอยากแนะนำว่า เพื่อนๆ ที่พึ่งมาอ่านบทความนี้ โดยที่ยังไม่เคยอ่าน 4 ตอนก่อนหน้านี้ ก็สามารถอ่านย้อนหลังได้นะครับ คือ ตอนที่57 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตอนที่ 4 และก็อีก 3 ตอนก่อนหน้า ตอนที่ 1, ตอนที่ 2 และตอนที่ 3 ครับ เพราะเกี่ยวข้องกันครับ

หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลมา (จากบทความที่ 57) ผมก็ดำเนินชีวิตตามปกติทุกอย่าง ยกเว้น 2 เรื่อง คือ ต้องถูกเข็มฉีดยาเจาะ 12 วัน เพื่อรับยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ และที่บ้านเปลี่ยนน้ำเปล่าที่ดื่มทุกวัน เป็นน้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำยี่ห้อดัง (ที่ซื้อมานานหลายปีเหมือนกัน) ครับ

มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับผมครับ

"สายสวนตัน" อีกแล้วครับ เพื่อนๆ คงงงว่า ก็ไอ้สายสวนตัน มันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร ก็คงเหมือนเดิม ติดเชื้อ มีตะกอนมาก สายก็เลยตัน ก็เขียนบทความล่าสุด ซัดเข้าไป 4 ตอน ก็เกี่ยวข้องกับสายสวนตันอยู่แล้ว แต่คราวนี้กลับไม่ใช่สาเหตุนั้นครับ

เพื่อนๆ คงเคยได้ยินคนเขาพูดๆ กันมาบ้างว่า "ฉี่ขัด" หรือ "ปัสสาวะไม่ออก" หรือ "ฉี่เป็นเลือด" หรือ "เป็นนิ่ว" หรือ "นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ" สรุปก็คือ เป็น "นิ่ว" นั่นเองครับ ส่วนใหญ่แล้วปัสสาวะที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะของเรานั้น ก็มีตะกอนเป็นปกติอยู่แล้ว แต่คนปกติก็จะขับตะกอนออกมาพร้อมปัสสาวะตอนที่เราฉี่อยู่แล้ว ตะกอนเหล่านี้ก็จะสะสมกันเป็นนิ่วได้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดนิ่ว ในความคิดของผมก็คือ ที่มาของน้ำที่เราดื่มกัน ครับ

อาจเป็นเพราะว่า ผมมีความรู้เรื่องน้ำมาบ้าง จากการที่เคยเป็นเซลล์ขายระบบน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม และจากการอ่านหนังสือหลายเล่ม ขณะที่ทำงาน จึงทำให้เข้าใจเรื่องตะกอนของน้ำ ผมจะขออธิบายคร่าวๆ เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจง่ายๆ ส่วนท่านไหนทราบอยู่แล้ว ก็ไม่ว่ากันนะครับ

ถ้าเราลองสังเกตุเวลาที่เราใส่น้ำในแก้ว แล้วไปถวายพระพุทธรูป พอทิ้งไว้น้ำจะค่อยๆ ระเหยหายไปเรื่อยๆ บางบ้านจะเห็นว่ามีคราบน้ำสีน้ำตาลอ่อนๆ เกาะอยู่ บางบ้านก็ไม่เห็น ถ้าบ้านไหนมีคราบ ขอให้ตั้งข้อสังเกตุได้เลยว่า ท่านกำลังดื่มน้ำที่มีตะกอน (ซึ่งประเด็นมีตะกอนนั้น ไม่ได้เป็นข้อสรุปว่าน้ำไม่สะอาด หรือไม่ปลอดเชื้อ แต่อย่างใด) หรืออาจจะสังเกตุได้อีกกรณีหนึ่งคือ เวลาเราต้มน้ำ เราจะพบว่า ที่ก้นหม้อ หรือ ก้นกาต้มน้ำ จะมีแผ่นตะกอน แบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย เพราะผมเคยเห็นมันเป็นแผ่นแข็งเลยครับ แบบว่าเอามีดแซะออกมาได้เลย

เกริ่นซะยาวเลยผม เข้าเรื่องตัวเองซะที

จากการสังเกตุที่ม้าไพกับผมเห็นว่า 1. ทำไมสายตัน ทั้งๆ ที่ปัสสาวะไม่มีตะกอน 2. ม้าไพสังเกตุเห็นว่า มีคราบน้ำจับที่แก้วขาวใส ที่ถวายพระ ที่บ้าน 3. น้ำที่ดื่ม มาจากเครื่องกรองที่พึ่งติดตั้งใช้งาน 4. เมื่อเปลี่ยนสายสวนออกมา จะพบแผ่นตะกอนจับที่ปลายสายสวน 5. ไอ้เจ้าตะกอนที่เป็นแผ่น มันบาดเนื้อผมตอนเอาสายออก แบบว่ามีเลือดเลยครับ

ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนสายสวนภายใน 3 วัน 2 ครั้ง เลยครับ เมื่อตั้งข้อสันนิษฐานอย่างนี้แล้ว ว่าที่สายสวนตันเพราะมีตะกอนจากน้ำที่กิน ก็เปลี่ยนแหล่งน้ำทันที คือเลิกกินน้ำที่ผ่านเครื่องกรอง ปรากฏว่า สายสวนก็ไม่ตันครับ ดังนั้น โดยส่วนตัวแล้ว จึงคิดว่าเหตุการณ์ประสบการณ์ตรงในครั้งนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจาก "น้ำที่ดื่ม" มีตะกอน นั่นเอง

เพื่อนๆ ได้อ่านบทความคราวนี้แล้ว ก็อย่าพึ่งเชื่อผมทั้งหมดนะครับ เพราะเป็นข้อคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น เพื่อนๆ อาจจะต้องวิเคราะห์อีกที ส่วนตัว เผื่อว่า เพื่อนๆ อาจจะกำลังประสบปัญหานี้อยู่ ก็อาจลองเอาไปพิจารณาดู เพื่อประกอบการแก้ปัญหานะครับ บทความคราวหน้า ผมจะเขียนเกี่ยวกับโรคผิวหนังครับ ช่วยกันติดตามอ่านนะครับ

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ


Follow me on Twitter
Visit me on Facebook