บ้านชั่วคราวหลังใหม่ พญาไท 1

ถึงวันที่ผมต้องย้ายบ้านแล้วครับ " บ้านชั่วคราวหลังใหม่ พญาไท 1 "

ตามระเบียบของการขนย้ายผู้ป่วย ต้องมีพยาบาลมาด้วยครับ เป็นครั้งแรกครับที่ผมยังมีสติ แล้วนอนในรถพยาบาล มองทุกอย่างภายในรถ ตามนิสัยชอบสังเกตุ รวมถึงพี่พยาบาลที่นั่งมาด้วย ทำให้ผมนึกถึงสิ่งดีๆ ของ รพ.ที่ 2 เพิ่มได้อีกเรื่อง คือกลุ่มนางพยาบาลในห้อง I.C.U. ที่ดูแลผมดีมาก และยิ้มแย้มแจ่มใส

เมื่อรถพยาบาลมาถึง พญาไท 1 ผมถูกพักเพื่อรอห้องพิเศษที่ห้องฉุกเฉิน คุณหมอที่อยู่เวรประจำห้องฉุกเฉิน ก็ขอตรวจร่างกายเบื้องต้นก่อน เมื่อคุณหมอตรวจดูเอกสารส่งตัว และตรวจมาถึงแผลกดทับที่ก้นกบผม สีหน้าคุณหมอกังวลใจ และก็ขอคุยกับคุณแม่ผม

จากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ห้องพิเศษเรียบร้อย พักได้สักพัก คุณแม่ก็บอกผมว่า ผมต้องเข้าผ่าตัดเล็กที่แผลกดทับก่อน เพราะแผลแย่มาก ต้องรีบจัดการ ผม O.K. รู้สึกดีอีกต่างหากที่กำลังจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง แล้วคุณหมอกำธร ก็เข้ามาเยี่ยม และบอกเรื่องการผ่าตัดเล็ก

ถึงตรงนี้ คุณหมอกำธร ถือว่าเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ ของผมครับ

จากนั้นอีก ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เข้าห้องผ่าตัดเพื่อถูกตัดเนื้อตายรอบๆ แผลกดทับ เพราะหมอบอกว่า เนื้อตายรอบๆ แผลทำให้ เนื้อใหม่ขึ้นไม่ได้ และต้องทานไข่ขาว วันละ 3 ฟอง

มันต้องอย่างนี้ นี่ซิ ที่ผมต้องการ

ผมค่อยรู้สึกดีกับชีวิตขึ้นมาหน่อยแล้ว และรู้ไหมครับว่าที่นี่ ผมมีคุณหมอที่ต้องคอยดูแล ถึง 4 ท่านครับ คือ

1. คุณหมอกำธร สุขพันธ์โพธาราม (แพทย์ที่ปรึกษาอาวุโสศัลยกรรม) เป็นคุณหมอเจ้าของไข้

2. คุณหมออนันต์ศักดิ์ อภัยวรัตน์ (ขณะนั้นเป็น ผอ.การแพทย์ฝ่ายวิชาการ และหัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ)ดูแลเรื่องอาการติดเชื้อ

3. คุณหมอธีรศักดิ์ พื้นงาม (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท) รับผิดชอบเกี่ยวกับอาการที่คอ คือระบบไขสันหลัง-เส้นประสาท

4. คุณหมอปราโมทย์ มนูรังษี (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง) ที่ต้องทำการผ่าตัดแผลกดทับของผม

วันแรกที่พญาไท 1 ผมก็ประทับใจแล้วครับ แต่เชื่อไหมครับ ขณะนี้กลุ่มนางพยาบาล และผู้ช่วยฯ กำลังตั้งข้อสังเกตุกันว่า

" คนไข้ คนนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ถึงย้ายจากที่...........(หมายถึง รพ.ที่ 2) มาที่นี่ "

" พวกเราต้องระวังๆ กันหน่อยนะ "

เพราะว่าพวกเธอยังไม่เห็นผม ยังไม่รู้จักผม อาจเป็นประสบการณ์ของพวกเธอก็เป็นได้

ตอนหน้าผมขอพูดถึงเรื่องน้ำหนักตัวที่มีผลต่อแผลกดทับซะหน่อย เพราะก็สำคัญเหมือนกัน กับเรื่องกายภาพที่พญาไท 1 ด้วยเลยเพราะสั้นๆ และจบได้ตั้งแต่ 3 วันแรกที่เข้ามารักษาตัวที่นี่

ตอนนี้จบแค่นี้นะครับ สั้นหน่อย


ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
mobile : 086-314-7866
email : preeda.limnontakul@gmail.com
update : April 10, 2007

8 comments:

  1. เมื่อ ศ. 20 เม.ย. 2550 @ 21:22 [232639] [ลบ]
    เป็นกำลังใจให้คุณปรีดาค่ะ สู้ๆ

    ReplyDelete
  2. เมื่อ ศ. 20 เม.ย. 2550 @ 22:46 [232755] [ลบ]
    โชคดีค่ะที่ได้เจอหมอที่มีจรรณยาบรรณที่ดีค่ะ

    ReplyDelete
  3. เมื่อ ส. 21 เม.ย. 2550 @ 03:17 [232979] [ลบ]
    สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคนเราคือศรัทธาค่ะ
    ขอเพียงมีความศรัทธาอันแรงกล้า แม้น้ำเปล่าธรรมดาก็เป็นน้ำมนต์วิเศษที่ชุบพลังชีวิตได้
    สนับสนุนให้คุณออกมาจากโรงพยาบาลเดิม ไม่ใช่ว่าเพราะที่นั่นไม่ดี แต่เพราะว่าคุณไม่มีศรัทธาต่อผู้รักษาและผู้ดูแลที่นั่น คนป่วยหากไม่มีศรัทธาต่อผู้รักษา รักษาไปก็ยากที่จะดีขึ้น รังแต่จะเกิดทุกข์ใจกันทั้งสองฝ่าย
    หวังว่าที่แห่งใหม่คงจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะคะ
    ขอร้องคุณสักสองข้อ ..อย่าดูถูกตัวเอง และ อย่ามองคนอื่นในแง่ร้าย.. แล้วรับรองว่าโลกนี้จะสวยงามขึ้น
    ปล.ขอโทษหากคอมเม้นต์ของดิฉันอาจจะพูดตรงไปบ้าง แต่ดิฉันเชื่อว่าแม้ร่างกายคุณจะทุพพลภาพ แต่หัวใจของคุณไม่ได้ทุพพลภาพ สิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่ความเห็นใจ แต่เป็นความเข้าใจ

    ดิฉันยินดีเป็นเพื่อนคุณค่ะ

    ReplyDelete
  4. เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 02:33 [242036] [ลบ]
    ขอตามมาช่วยออกเสียงในฐานะคนนอกที่ไม่รู้จักคุณปรีดาเป็นการส่วนตัว แต่อยากตอบคุณ นิดา แทนว่า เท่าที่อ่านบันทึกคุณปรีดาต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้น คุณปรีดาไม่เคยแสดงอะไรที่จะบอกได้ว่า ดูถูกตัวเอง เลยแม้แต่น้อย และมองคนทั้งสองด้านอยู่เสมอ เท่าที่เห็นกลับเป็นตรงข้ามนะคะ คิดว่าคุณปรีดา

    ไม่เคยดูถูกตัวเองเลย ต้องบอกว่าเป็นคนเชื่อมั่นตัวเอง เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง แต่ยอมรับสภาพทางกายภาพของตัวเองได้ดีโดยไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าน่าจะพัฒนาไปได้ดีกว่าที่คาดหมายจากทางกาย เพราะมี"ใจ"ที่มุ่งมั่น
    ทุกครั้งที่คุณปรีดา เล่าเรื่องที่เป็นแง่ร้าย จะมีการออกตัว และระมัดระวังมองหลายๆมุม โดยบอกมุมมองของตัวเองชัดเจน และเผื่อเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ในมุมมองผู้อื่นไว้เสมอ สิ่งที่เป็นแง่ร้ายที่เล่า ก็มักจะเสนอสิ่งที่ควรจะเป็น ควรจะทำ ไว้ให้อย่างชัดเจน และเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพื่อให้ความผิดพลาดได้รับการแก้ไข และมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก ทั้งกับตัวคุณปรีดาเองและกับผู้อื่น ยังไม่เห็นว่าเธอมองโลกในแง่ร้ายเลย ดีกว่าคนไม่ทุพพลภาพ หลายๆคนด้วยซ้ำ
    แต่เห็นด้วยกับคุณ นิดา ว่า คุณปรีดาไม่ต้องการความเห็นใจ แต่ต้องการความเข้าใจ และสิ่งที่เขียนตอบคุณนิดาแทน ก็คือความเข้าใจที่พี่โอ๋-อโณ มีจากการอ่านบันทึกทั้งหมดของเขาค่ะ

    ขอยืนยันอีกครั้งว่า นับถือในความตรงไปตรงมาของคุณปรีดา และชื่นชมที่นำเรื่องที่ควรบอกกล่าวให้ช่วยกันแก้ไขมาบอกต่อค่ะ เราไม่ discredit ใคร แต่ความจริงก็คือความจริง สิ่งผิดควรได้รับการแก้ไข ชี้แจงให้ถูกต้อง ยุติธรรมค่ะ ไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ฝ่ายไหนหรือเป็นใคร

    ReplyDelete
  5. รังเกลียดคนชื่อทักษิณ.ชินวัตร วันที่ : 23/07/2007 เวลา : 20.50 น.
    http://www.oknation.net/blog/kaweekai



    ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง ผมยังไม่เคยมีชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลไม่มีประสปการณ์ในบางอย่างเลย

    ReplyDelete
  6. nuchong วันที่ : 23/07/2007 เวลา : 20.57 น.
    http://www.oknation.net/blog/mummy



    สู้ๆๆและอย่าลืม"กินไข่"ก่อนนอนอย่าลืมสั่งจิตใต้สำนึก"ขอให้เลือด อาหาร ออกซิเจนไปสู่แผลๆๆ"

    ReplyDelete
  7. lady วันที่ : 23/07/2007 เวลา : 21.40 น.
    http://www.oknation.net/blog/ladystudio



    ยิ้มสู้
    ถึงไข่ขาวจะไม่อร่อยแต่ก็ต้องทานให้ครบนะค่ะ...

    ReplyDelete
  8. zuni วันที่ : 07/08/2007 เวลา : 10.23 น.
    http://www.oknation.net/blog/zuni



    การใช้ชีวิตบนเตียง ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองเยอะดีเนอะ แทนที่จะวิ่งวุ่นกับเรื่องของคนอื่นเหมือนคนทั่วไป
    สู้ๆค่ะ

    ReplyDelete

Follow me on Twitter
Visit me on Facebook