ต้องทำกายภาพบำบัด

เมื่อผมรักษาตัวที่พญาไท 1 ผมก็มีความคิดว่า " ต้องทำกายภาพบำบัด " อีกครั้ง

เพราะถ้าหยุดทำกายภาพบำบัด อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาการทางด้านนี้ไป จึงติดต่อนักกายภาพบำบัด (หญิง) ที่สนิทกันจาก รพ.ที่ 2 ให้ช่วยมาดูอาการ และทำกายภาพบำบัด ซัก 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

เธอมาตามที่นัดหมา และพาแฟนที่เป็น นักกายภาพบำบัด (ชาย) มาแนะนำด้วย เผื่อว่าไม่ว่างจะได้ช่วยกันมาทำทดแทนให้ และผมทราบต่อมาว่า เธอได้ลาออกจาก รพ.ที่ 2 แล้ว ด้วยปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับการทำงาน (ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันที่มหาวิทยาลัย รักกัน และปัจจุบันก็แต่งงานกันแล้วครับ)

เนื่องจากผมมีแผลกดทับที่ก้นกบ จึงต้องนอนตะแคงตลอดเวลาที่อยู่ที่พญาไท 1 ดังนั้นท่าทางต่างๆ ที่ใช้ในการทำกายภาพบำบัดก็ต้องเหมาะสมกันด้วย

จากวันนั้น นักกายภาพบำบัด ทั้ง 2 คนก็ผลัดกันมาสัปดาห์ละ 3-4 วัน เหมือนเดิมครับ ก็มาทำ passive ให้และเราก็ต้านแรงกันด้วยการทำแบบ active และทั้งคู่ยังฝากการบ้านให้ทำเองระหว่างที่พวกเขาไม่มา

มีอยู่ท่าหนุ้ง ที่ผมให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือท่ายืดแขนออกไปนอกเตียง โดยให้ฝ่ามือตั้งฉากกับพื้น แล้วพยายามพลิกข้อมือไปทางด้านซ้ายและขวาสลับกัน ให้ทำตลอดเวลาเท่าที่จะทำได้ ทั้งขณะตะแคงซ้าย และตะแคงขวา

เชื่อไหมครับ แรกๆ ผมทำไม่ได้เลย และมันก็ยากมาก ผมทำอยู่เกือบ 1 เดือนถึงจะทำท่านี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าแค่พลิกข้อมือไปมาแค่นั้น จะยากขนาดนี้ และระหว่างที่ทำท่านี้ ผมจะเหนื่อยมาก เพราะต้องมีสมาธิ จริงๆ แล้วช่วงเวลาที่ทำกายภาพบำบัด ผมจะตั้งใจเป็นพิเศษ คือมีสมาธิมาก ลึกๆ ในใจก็คิดตลอดเวลาเลยครับ " สิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์ไหนก็ได้ ผมขอครับ สัก 1 นิ้วก็ยังดี ผมขอใช้งานได้ซักนิ้วก็ยังดี " ผมภาวนาตลอดที่นึกขึ้นได้

ผมยังคงทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ และแล้ววันหนึ่ง เมื่อผมเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เดือนกว่าๆ ผมตื่นนอนขึ้นมา สังเกตุเห็น " นิ้วโป้ง " ซ้ายขยับได้นิดหน่อย ผมทดลองใหม่ เริ่มใหม่

คิดจากสมองว่า " ไหนขยับซิ เจ้านิ้วโป้งซ้าย "

ตาผมเห็น " นิ้วโป้ง " ขยับนิดนึง

ผมดีใจมาก แต่ไม่แน่ใจ เพราะอาการหลอนในร่างกายส่วนอื่นๆ ของผมมีเป็นระยะๆ การเป็นผู้ทุกพลภาพคราวนี้ ทำให้ผมจำท่าทางปกติในการดำเนินชีวิตไม่ได้หลายท่าครับ เช่นท่าง่ายๆ อย่างเช่น นอนหงายแล้วบิดเฉพาะร่างกายส่วนบน หรือการกำมือ หรือการงอนิ้วต่างๆ ว่าได้ระดับไหน มักต้องให้นักกายภาพบำบัดทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

กลับมาที่นิ้วโป้งของผม ผมจัดลำดับในสมอง แล้วค่อยสั่งการ ให้นิ้วขยับอีกหลายครั้ง จนมั่นใจ วันนี้ผมจะโชว์ ให้ทุกคนดู ทุกคนต้องดีใจกันมากแน่ๆ

ทำไมผมถึงดีใจมากๆ สาเหตุเพราะอาการของโรคที่ผมเป็น ควรจะเป็นไปในลักษณะสมดุล เช่น ถ้าจะขยับนิ้วโป้งซ้ายได้ ขวาก็ควรจะได้ด้วย ถ้าไม่ได้ ก็ควรจะไม่ได้ทั้ง 2 ข้างเช่นกัน แต่นี่ใช้ได้ข้างเดียว ปัจจุบันผมก็ใช้นิ้วโป้งซ้ายได้แค่ข้างเดียวครับ และเป็นหนึ่งเดียวที่ใช้ได้

ถ้ามองมุมนี้ ผมถือว่าโชคดีที่ เหลือนิ้วโป้งนี้ ถึงได้พิมพ์คีย์บอร์ดได้ ทุกท่านจึงได้อ่านประสบการณ์ของผม

ผมไม่รู้หรอกครับว่า การที่ผมให้ความสำคัญกับการทำกายภาพบำบัด จะส่งผลที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ลึกๆ ในใจบอกตัวผมเองว่า " ต้องทำ " ทุกวันนี้ก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้นอยู่

มีเรื่องแปลกกับร่างกายของผมอีก 2 เรื่องคือ

1. นิ้วโป้งซ้ายของผมขยับได้ ถือว่าสั่งการได้ แต่รู้สึก ชาหนามากๆ ในขณะที่ นิ้วโป้งขวาขยับไม่ได้ คือสั่งการแล้วไม่ขยับ แต่กลับรู้สึก-สัมผัสได้ เหมือนนิ้วปกติ หรือผิวหนังปกติ แค่ข้อเดียว

ผมสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพราะว่า ผมนำนิ้วโป้งซ้าย และขวา ขัดกัน แล้วบังคับข้อมือ ให้นิ้วโป้งขวาที่มีเล็บสั้นๆ แกะสิวเสี้ยน ที่มีอยู่เต็มหน้าผม (บริเวรหน้าผมจะมีสิวเสี้ยนทั้งหน้า โดยเฉพาะที่จมูก)ตั้งแต่ขยับข้อศอก-ข้อมือได้ จึงเปรียบเสมือน ได้กระตุ้นปลายประสาทที่บริเวณข้อแรกของนิ้วโป้งขวา (ผมคิดเอาเองนะครับ)

2. โดยปกติผู้ป่วยกลุ่มนี้ (กล่าวอีกครั้งครับ กลุ่ม spinal cord injury (บาดเจ็บที่ไขสันหลัง) แบบ quadri คือใช้มือ 2 ข้าง เท้า 2 ข้างไม่ได้) จะไม่สามารถนั่งหลังตรงได้ ต้องย้วย หรือ อ่อน หรืองอหลัง ทรงตัวไม่ได้

แต่สำหรับกรณีของผม หลังตรงเป๊ะ เวลาดึงตัวช่วงบนขึ้นมา จะสามารถนั่งหลังตรงมาก

ด้วยหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับร่างกายผม จึงทำให้ครั้งแรกคุณหมอ ยังไม่สรุปว่าผมเป็นทุกพลภาพถาวร ต้องผ่านการดูผลถ่ายภาพ จากการเข้าเครื่องสแกน MRI ก่อน ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้ ผมจะพูดถึงในตอนหน้าครับ

ดังนั้นแล้ว ผมก็อยากให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ไม่ท้อแท้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ บนศักยภาพที่เรามี ต้องมีกำลังใจที่จะต้องทำ อย่าให้แต่ละวันผ่านไปอย่างไร้ความหมาย ถึงเราจะรู้ว่าต้องเป็น "ผู้ทุกพลภาพ" แน่นอน ก็ต้องทำ

ตอนหน้า ผมขอพูดถึง ความรู้สึกถึงความหวังเล็กๆ จากคุณหมอ ลองติดตามนะครับ


ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
mobile : 086-314-7866
email : preeda.limnontakul@gmail.com
update : April 15, 2007

7 comments:

  1. เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 00:18 [241964] [ลบ]
    ชื่นชมและนับถือคุณปรีดาอย่างจริงใจค่ะ และต้องขอขอบคุณมากๆที่นำเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าให้พวกเราได้รับรู้และเข้าใจ ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ จะติดตามเรื่อยๆ และช่วยส่งพลังภาวนาให้มีความคืบหน้าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังใจอันเข้มแข็งของคุณปรีดาด้วยค่ะ

    ReplyDelete
  2. เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 00:26 [241971] [ลบ]
    สวัสดีค่ะคุณปรีดา

    หายไปนานเลยค่ะ ทำโปรเจคเสร็จแล้วหรือค่ะ พักผ่อนให้เพียงพอนะค่ะ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ขอเพียงไม่ท้อเท่านั้น เป็นกำลังใจให้สู้ด้วยตนเองค่ะ

    ReplyDelete
  3. เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 02:31 [242034] [ลบ]
    แวะมาให้กำลังใจคุณปรีดาครับ อ่านจนครับทุกตอนแล้วคุณปรีดาเขียนได้น่าติดตามมากครับ
    ขอบพระคุณที่มาแลกเปลี่ยนครับ

    ReplyDelete
  4. เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 04:24 [242055] [ลบ]
    สวัสดีครับ ทุกคน (พี่ๆ ทุกคน)



    ผมขอขอบคุณที่ทุกคนเข้าใจเจตนาของผมครับ เพราะผมตั้งใจจะถ่ายทอดประสบการณ์ตรง เรื่องไหนเป็นข้อควรระวัง จะได้เกิดประโยชน์ เรื่องไหนที่ผมปฏิบัติได้ถูกต้อง ก็นำไปใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ และถ้าทุกๆ คนมีคำแนะนำ หรือข้อคิดที่ดี ผมจะนำไปปรับใช้ และนำมาเขียนเพิ่มเติม ยังมีประสบการณ์อีกหลายๆ เรื่องที่ผมจะถ่ายทอดครับ อาจช้านิดหน่อย เพราะงานที่ทำยังไม่เสร็จ ถ้าผมทำสำเร็จ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางชีวิตครั้งสำคัญ และจะเป็นประโยชน์ต่อตัวผมเองและประเทศ อย่างน่าสนใจ



    อีกเรื่องที่สำคัญมากครับ ผมอยากให้ทุกๆ ท่านที่เป็น "ผู้รู้" ในแขนงสาขาวิชาชีพต่างๆ ร่วมกัน comment ข้อมูลเชิงวิชาการ เพราะผมจะนำไปเพิ่มเติมในเนื้อหาในแต่ละตอน เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นมุมมองทั้งของผู้ป่วยเอง ญาติผู้ป่วย และนักวิชาชีพต่างๆ เช่น นักประกันสังคม นักกายภาพบำบัด นางพยาบาล แพทย์ เป็นต้น



    เพราะบางครั้ง บางอาการ บางความรู้สึก บางสถานการณ์ ผมก็เข้าใจผิดเช่นกัน เรามาร่วมกันให้มุมมอง หลายๆ ด้านแก่ผู้อ่านในอนาคตกันครับ



    ทุกๆ ข้อเสนอแนะ ที่จะไปเพิ่มเติมในแต่ละตอน ผมขออนุญาติอ้างอิง "ผู้รู้" ด้วยครับ



    ขอบคุณครับ

    ปรีดา

    ReplyDelete
  5. feng_shui วันที่ : 25/07/2007 เวลา : 19.13 น.
    http://www.oknation.net/blog/buzz
    feng_shui



    ยินดี ได้รู้จักเพื่อนบ้าน บล๊อกเกอร์ที่น่านับถือในความมุ่งมั่นค่ะ
    จะแวะมาอ่านเป็นประจำตามโอกาสอันควรนะคะ
    กายภาพบำบัด นั้น อย่างน้อย จะช่วยให้เรากลับคืนใกล้ปกติได้ค่ะ อาจจะต้องใช้เวลานะคะ

    ReplyDelete
  6. pook วันที่ : 26/07/2007 เวลา : 08.19 น.
    http://www.oknation.net/blog/pook17
    Spooky POOKY!!




    คุณปรยาเข้มแข็งและสู้มากๆ
    ขอให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ

    ReplyDelete
  7. zuni วันที่ : 07/08/2007 เวลา : 10.48 น.
    http://www.oknation.net/blog/zuni



    มีความพยายามและมุ่งมั่น กำลังใจคุณเข้มแข็งมาก
    นิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียวสามารถเขียนblogได้เยอะ ซึ่งล้วนมีสาระและประโยชน์มาก นับถือจริงๆค่ะ

    ReplyDelete

Follow me on Twitter
Visit me on Facebook