ต้องเริ่มต้นจากไปพบคุณหมอเมื่อวันอังคารที่ 1/7/2551 (ตอนที่ 3) แต่พอคืนวันศุกร์เริ่มมีอาการตัวร้อนเล็กน้อย พอถึงตี 2 ของวันเสาร์ผมมีอาการหนาวสั่น สลับกับเป็นไข้สูงถึง 39-39.5 องศาเซลเซียส จึงคิดจะมาที่ รพ.พญาไท 1 ตอนตี 5 เพราะกลัวว่าจะติดเชื้อรุนแรง แต่อีกใจก็กลัวว่าจะค้องนอนที่ รพ. จึงตัดสินใจถ่ายอุจจาระจากที่บ้านไปเลย ทำให้ไปถึง รพ. ประมาณ 8.30 น. คุณหมอเวร ก็เข้ามาพูดคุย และให้นอนพักดูอาการจริงๆ ครับ ...อ่านต่อ
57 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตอนที่ 4
ต้องเริ่มต้นจากไปพบคุณหมอเมื่อวันอังคารที่ 1/7/2551 (ตอนที่ 3) แต่พอคืนวันศุกร์เริ่มมีอาการตัวร้อนเล็กน้อย พอถึงตี 2 ของวันเสาร์ผมมีอาการหนาวสั่น สลับกับเป็นไข้สูงถึง 39-39.5 องศาเซลเซียส จึงคิดจะมาที่ รพ.พญาไท 1 ตอนตี 5 เพราะกลัวว่าจะติดเชื้อรุนแรง แต่อีกใจก็กลัวว่าจะค้องนอนที่ รพ. จึงตัดสินใจถ่ายอุจจาระจากที่บ้านไปเลย ทำให้ไปถึง รพ. ประมาณ 8.30 น. คุณหมอเวร ก็เข้ามาพูดคุย และให้นอนพักดูอาการจริงๆ ครับ ...อ่านต่อ
56 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน ปี 2551 ตอนที่ 3
เริ่มจากผลการอัลตร้าซาวด์นั้นแสดงว่า ผมมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบลักษณะหนากว่าปกติ เนื่องจากอาการติดเชื้อ และที่บริเวณกรวยไตยังมีอาการบวมเล็กน้อย แต่ไม่อันตรายเท่าไหร่ การติดเชื้อของผมนั้นเป็นเชื้อโรคแบคทีเรียทั้วไป ที่ไม่ใช่เชื้อในโรงพยาบาล (โอ้โห ในใจผม รู้สึกดีใจมากๆ เพราะเชื้อโรคในโรงพยาบาลแต่ละตัว สุดๆ ทั้งนั้นครับ) ...อ่านต่อ
55 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน ปี 2551 ตอนที่ 2
ขั้นตอนของการลำดับอาการของ "ปัสสาวะเล็ด" ตามความเข้าใจของผมนะครับ
ติดเชื้อจากการเปลี่ยนสายสวน >> ในกระเพาะปัสสาวะเกิดตะกอน >> ทำให้สายสวนเริ่มตัน (ปัสสาวะออกมาจากกระเพาะปัสสาวะไม่ได้) >> ปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะล้นย้อนไปที่กรวยไต (กรวยไตบวม) >> เริ่มมีปัสสาวะเล็ดออกมาบ้าง ...อ่านต่อ
54 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน ปี 2551 ตอนที่ 1
คงต้องเริ่มเรื่องจากว่า ผมกำลังรักษาตัวเกี่ยวกับเรื่องโรคทางด้านผิวหนังอยู่ ซึ่งก็มีบทความเดิมที่ผมยังเขียนบทความไว้ในตอน 48 : ข้อสันนิษฐานใหม่เกี่ยวกับอาการตุ่มน้ำใสตามมือ-เท้า ขณะนี้ก็ยังไม่จบเลยนะครับ และช่วงเวลาเดียวกันนี้ ผมกมีเรื่องมาแทรกอีก 2 เรื่องคือ แผลกดทับ (บังเอิญ) ที่ก้น ซึ่งในความคิดของผมไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพราะเรารู้ตัวตลอดว่าเป็นระดับไหน สาเหตุคืออะไร และมีวิธีใหม่ในการรักษา แต่ผมอาจจะต้องแบ่งเป็นสัก 3-4 ตอน ลองตามอ่านกันดูนะครับ ขอเคลียร์งานตัวอื่นก่อนครับ ...อ่านต่อ
57 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตอนที่ 4
ต้องเริ่มต้นจากไปพบคุณหมอเมื่อวันอังคารที่ 1/7/2551 (ตอนที่ 3) แต่พอคืนวันศุกร์เริ่มมีอาการตัวร้อนเล็กน้อย พอถึงตี 2 ของวันเสาร์ผมมีอาการหนาวสั่น สลับกับเป็นไข้สูงถึง 39-39.5 องศาเซลเซียส จึงคิดจะมาที่ รพ.พญาไท 1 ตอนตี 5 เพราะกลัวว่าจะติดเชื้อรุนแรง แต่อีกใจก็กลัวว่าจะค้องนอนที่ รพ. จึงตัดสินใจถ่ายอุจจาระจากที่บ้านไปเลย ทำให้ไปถึง รพ. ประมาณ 8.30 น. คุณหมอเวร ก็เข้ามาพูดคุย และให้นอนพักดูอาการจริงๆ ครับ
รับไปเลยครับ น้ำเกลือ+ยาปฏิชีวนะ (รักษาอาการติดเชื้อ) ที่ห้องพิเศษชั้น 6 (จำเลขห้องไม่ได้ครับ ) ตรวจอัลตร้าซาวด์ เก็บปัสสาวะไปตรวจเชื้อ เก็บเลือดตรวจการติดเชื้อ
หลังจากไม่ได้เข้าโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยในมานาน
จึงถ่ายภาพไว้ดูสักหน่อยกับเครื่องที่ควบคุมสายน้ำเกลือครับ
แต่ส่วนตัวแล้วผมระแวงไอ้เจ้าเครื่องนี้มาเลย เพราะเวลาเป็นผู้ป่วยในผมต้องระวังเรื่องการหายใจ และผมก็คิดว่าไอ้เจ้านี่คงเก็บเชื้อไว้พอสมควรครับ
เหมือนเดิมครับ ผมยังคงเอาโน๊ตบุ๊คคู่ใจไปเหมือนเดิม ไม่งั้นคงเหงาแย่ และใช้ระบบ wireless ของทางโรงพยาบาลครับ เร็วมากๆ
ยังคงต้องใช้โทรศัพท์ทำงานเป็นหลักเหมือนเดิม
เสบียงต้องซื้อเองครับ เพราะราคาค่อนข้างสูง
ผมอยู่ที่โรงพยาบาลพญาไท 1 จนถึงวันจันทร์ รวม 2 คืน แต่ต้องอยู่ถึง 5 ทุ่ม (ก่อนเที่ยงคืน) มีคุณหมอทั้งหมด 3 ท่านที่เข้ามาดูอาการตลอด 2 -3 วัน คือคุณหมอกำธร ที่ดูแลเรื่องการติดเชื้อ คุณหมอรัฐดำรง ดูแลเรื่องกระเพาะปัสสาวะ และคุณหมอพนิต ดูแลเรื่องโรคผิวหนัง
.
คุณหมอทั้ง 3 ท่านต้องปรึกษากันเพราะ ณ ตอนนั้น ผมรักษาอาการโรคนิกเกิล คอนแทค (เป็นโรคแพ้สารนิกเกิล ซึ่งผมจะเขียนบทความให้ได้อ่านในภายหลังครับ ภาพอาการของโรคน่ากลัว น่าหวาดเสียวเพียบเลยครับ) ทำให้ผมตัดสินใจทานยาสเตรียลอยด์ ขนาด 5 มิลลิกรัม 6 เม็ดเองต่อเนื่อง 20 วันก่อนมาพบคุณหมอ (รวมทั้งก่อนจะมานอน รพ.ด้วย) โดยแบ่งทานเป็นเช้า 3 เม็ด ก่อนนอน 3 เม็ด จึงเป็นสาเหตุให้ต้องค่อยๆ ลดการทาน ซึ่งในระหว่างที่กำลังลดปริมาณยานี่เอง ผมก็ต้องมานอน รพ. และทำให้ผมได้ทราบว่า การทานยาสเตรียลอยด์มีผลต่อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้น จึงต้องหยุดทานยา
.
ส่วนการรักษาอาการติดเชื้อ คือต้องรับยาปฏิชีวนะผ่านสายน้ำเกลือ ติดต่อกัน 14 วัน ดังนั้นหลังจากกลับบ้านแล้ว ผมก็ยังต้องรับยาต่ออีก 12 วัน ช่วงผ่าน 2 วันแรกที่ได้รับยา อาการหนาวสั่น และเป็นไข้ก็หายไปครับ การเข้า รพ.คราวนี้ของผม ทำให้ผมมีประสบการณ์มากขึ้นในอีกหลายเรื่อง เอาไว้มีโอกาสผมก็จะเขียนบทความให้อ่านเพิ่มเติมกันนะครับ ตอนนี้คงต้องจบก่อนครับ
.
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Director
mobile : 086-322-9307
Email : preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd.
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd.,
Pakkred, Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-6083, Fex.: 02-960-9156
Website : http://www.pwdom.com/
56 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน ปี 2551 ตอนที่ 3
เริ่มจากผลการอัลตร้าซาวด์นั้นแสดงว่า ผมมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบลักษณะหนากว่าปกติ เนื่องจากอาการติดเชื้อ และที่บริเวณกรวยไตยังมีอาการบวมเล็กน้อย แต่ไม่อันตรายเท่าไหร่ การติดเชื้อของผมนั้นเป็นเชื้อโรคแบคทีเรียทั้วไป ที่ไม่ใช่เชื้อในโรงพยาบาล (โอ้โห ในใจผม รู้สึกดีใจมากๆ เพราะเชื้อโรคในโรงพยาบาลแต่ละตัว สุดๆ ทั้งนั้นครับ)
ผมลองลำดับความ ตามที่ผมเข้าใจนะครับ (ซึ่งข้อมูลชัดเจน รออ่านจากคุณหมออีกทีนะครับ)
ผมคงจะใส่สายสวนมานานมากแล้ว เกือบ 7 ปีครับ ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างสร้างโอกาสทำให้มีการติดเชื้อสูง แต่ผมก็เลือกวิธีนี้ ไม่เลือกวิธีอื่นๆ เช่น การฝึกแคมป์สาย (รัดสาย) เพื่อจะถอดสายสวนออก และทำการสวนเป็นระยะๆ เมื่อมีอาการปวด ซึ่งส่วนตัวแล้วผมยังหวาดผวากับเชื้อสูโดโมแนสอยู่ เพราะผมเคยติดเชื้อตัวนี้ที่กระเพาะปัสสาวะ จึงกลัวว่ามันจะกลับมาอีก ถึงแม้ว่าตลอด 7 ปีมานี้จะยังไม่พบเชื้อตัวนี้กำเริบขึ้นมา ส่วนอีกวิธีที่เป็นการเจาะช่องท้อง ผมขอเอาไว้เป็นวิธีสุดท้ายในอนาคต ถ้าไม่มีทางเลือกนะครับ
ด้วยสาเหตุของการที่ผมเลือกใส่สายสวนตลอดเวลา 24 ชั่วโมงนี่เอง ที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีปัญหา อาจไม่มีการบีบรัดตัวเหมือนคนปกติ และสร้างโอกาสที่จะทำให้มีอาการอักเสบมากกว่าปกติ และเมื่อเจอภาวะติดเชื้อ (ซึ่งผมยังมีความคิดแนวโน้มไปในทางที่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนสายสวน เป็นหลัก) จึงเกิตะกอน และเมื่อตะกอนมากขึ้นเรื่อยๆ สายสวนที่มีรูเล็กนิดเดียว จึงอุดตัน ส่งผลให้ปัสสาวะที่จะมาจากไตนั้นมาไม่ได้ จึงเกิดผลกรวยไตบวม แต่ผมยังคิดอีกว่า ปัสสาวะที่มีเชื้ออยู่แล้ว เชื้ออาจจะยังไม่ไปที่ไต (เพราะถ้าไปได้ คงน่ากลัวมากๆ ครับ) จึงยังไม่มีผลอะไรมากมายกับผม
ผลการมาพบคุณหมอคราวนี้ ผมก็เลยต้องได้รับยาปฏิชีวนะ ซึ่งสัมพันธ์กัน กับเชื้อตัวที่ตรวจพบ ในการตรวจผลปัสสาวะ โดยรับยาไปทานประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งผมก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ส่วนฟิมล์ผลการอัลตร้าซาวด์ ผมก็มอบให้คุณหมอเลยครับ เพราะว่าจะได้เป็นประโยชน์กับคุณหมอ
เพื่อนๆ ครับ แล้วผมก็กลับบ้าน แบบไม่ได้คิดอะไร จนในที่สุดอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ผมกลับต้องมาที่โรงพยาบาลพญาไท 1 อีกครั้งครับ แต่คราวนี้ไม่ได้แค่มาพบคุณหมอนะครับ แต่ต้องมาเข้าพักที่ห้องพิเศษ ที่ รพ. เลย ทำไมหรือครับ ต้องตามอ่านกันในตอนหน้านะครับ ถือว่าต่อเนื่องจากตอนนี้เลยทีเดียวครับ
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Director
mobile : 086-322-9307
Email : preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd.
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd.,
Pakkred, Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-6083, Fex.: 02-582-1759
Website : www.pwdom.com
55 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน ปี 2551 ตอนที่ 2
ขั้นตอนของการลำดับอาการของ "ปัสสาวะเล็ด" ตามความเข้าใจของผมนะครับ
ติดเชื้อจากการเปลี่ยนสายสวน >> ในกระเพาะปัสสาวะเกิดตะกอน >> ทำให้สายสวนเริ่มตัน (ปัสสาวะออกมาจากกระเพาะปัสสาวะไม่ได้) >> ปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะล้นย้อนไปที่กรวยไต (กรวยไตบวม) >> เริ่มมีปัสสาวะเล็ดออกมาบ้าง
ที่เกริ่นมาตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนนี้ ก็เพียงแต่จะเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งครับ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นวันพฤหัสบดีที่ 26/6/2551 ช่วงเช้าผมกำลังจะออกจากบ้าน (ซึ่งตอนนี้เป็นอาคารพาณิชย์ ใกล้เทศบาลปากเกร็ด) ซึ่งติดริมถนน (บริเวณห้ามจอดตลอดเวลาด้วยครับ) รถมาจอดหน้าบ้านแล้วครับ ปรากฏว่าปัสสาวะผมซึมจนกางเกงใน กางเกงวอร์มเปียกหมดเลยครับ จึงต้องเปลี่ยนใหม่หมด ข้างล่างเลย ทุลักทุเล พอสมควร
พอขึ้นรถเพื่อจะไปกรมสรรพากร ก็เจอ "ใบสั่ง" เลยครับ ดังนั้นหลังจากที่ไปกรมสรรพากรแล้ว ก็รีบไปที่ สภ.ปากเกร็ด (ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง นนทบุรี) ทันที เพื่อไปชี้แจงกับเจ้าที่ตำรวจว่า ทางเราไม่เจตนา (ปัสสาวะเล็ดแท้ๆ เลยครับที่เป็นต้นเหตุ) ผมเป็นผู้พิการ จะให้ผมทำอย่างไร ซึ่งก็ไม่มีอะไรแนะนำผม แต่ก็มีนายตำรวจสัญญาบัตรท่านหนึ่ง เซ็นต์ชื่อให้ และจ่ายค่าปรับ 100 บาท เห็นไหมครับ "ฉี่ซึม" หรือ "ปัสสาวะเล็ด" ก็ทำให้เสียตังค์ได้เหมือนกัน
ช่วงบ่ายผมต้องเข้าประชุมกับทาง สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.) ซึ่งเป็นการพาลูกค้าไปพบผู้ใหญ่ฝ่ายบริหาร เกี่ยวกับ "โครงการหางานเพื่อเพื่อนผู้พิการ ครั้งที่ 2" ครับ ปรากฏว่าช่วงก่อนประชุมเสร็จ ผมมีอาการเกร็งช่วงขาค่อนข้างมาก แล้วผมก็ได้กลิ่นปัสสาวะครับ เซ็งเลยครับ มันแย่มากๆ เลยครับ กางเกงผมเปียกไปหมด แฉะหมดเลย เยอะด้วย อายมากๆ ครับ ดีที่ติดบลูแพดมาทั้งห่อ เลยได้ใช้ไปหลายแผ่น แต่ในสมองคิดอย่างเดียวครับว่า ต้องไปหาหมอให้เร็วที่สุด เพราะกลัวอันตรายที่จะเกิดกับไต และกระเพาะปัสสาวะ ครับ จึงรีบโทรนัดคุณหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 1
วันอังคารที่ 1/7/2551 ก็ไปตามที่นัดกับนางพยาบาล ถึงพญาไท 1 ที่หน้าห้อง 41 ใกล้ห้องฉุกเฉิน มาถึงปุ๊บ ก็มัดสายด้วยหนังยางทันที (การ Clamp สาย) ทานน้ำครึ่งลิตร พอรู้สึกขนลุกที่แขนซ้าย นางพยาบาลก็นำเข็มฉีดยามาดูดปัสสาวะเพื่อไปตรวจวิเคราะห์หาเชื้อ จากนั้นก็ไปรอให้คุณหมออีกท่านช่วยทำการอัลตร้าซาวด์บริเวณกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งก็จะได้ฟิล์ม+ผลการตรวจ ผลการตรวจทั้ง 2 อย่างที่ผมกล่าวมา จะถูกนำมาให้คุณหมอรัฐดำรง ธรรมโชติ (UROLOGIST) ช่วยในการให้คำปรึกษา และรักษาโรคให้ผมครับ
และระหว่างที่ผมรอทั้งผมการตรวจทั้ง 2 อย่าง ผมก็ถือโอกาสไปพบกับคุณหมอพนิต ที่แผนกผิวหนัง ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ผมอยากจะเขียนบทความมากๆแต่ขอเก็บข้อมูลอีกสัก 1 เดือน ถึงจะเริ่มเขียนเป็นซีรี่ส์หนังเกาหลีได้ครับ
เมื่อพูดคุยกับคุณหมอพนิต เสร็จเรียบร้อย ก็ได้มีการนัดหมายเพิ่มเติมในวันรุ่งขึ้นว่าจะมาอีกครั้ง เพื่อเอายาที่มีอยู่มาให้คุณหมอดู (อย่างที่บอกครับ เร็วๆ นี้จะรีบพิมพ์เป็นบทความให้อ่านกันครับ) จากนั้นผมก็ลงไปหาคุณหมอรัฐดำรง ที่มาถึงแล้วครับ ที่สำคัญ 2 อย่างคือ ผการวิเคราะห์เชื้อ และอัลตร้าซาวด์ก็พร้อมแล้วเช่นกัน
เข็นรถเข้าไปห้องคุณหมอ ดูคุณหมอมีเนื้อมากขึ้น (ไม่อ้วน ดูพอดีๆ)
ก็พอดีว่า ผมคิดว่าจะยาวเกินไปแล้วครับสำหรับตอนนี้ เอาไว้ต่อตอนที่ 3 ก็แล้วกัน จะได้ทราบว่าผมได้รับคำอธิบายอย่างไร รวมทั้งคุณหมอแนะนำอย่างไรบ้าง
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Director
mobile : 086-322-9307
Email : preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd.
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd.,
Pakkred, Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-6083, Fex.: 02-582-1759
Website : www.pwdom.com
54 : สายสวนตัน ติดเชื้อ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน ปี 2551 ตอนที่ 1
คงต้องเริ่มเรื่องจากว่า ผมกำลังรักษาตัวเกี่ยวกับเรื่องโรคทางด้านผิวหนังอยู่ ซึ่งก็มีบทความเดิมที่ผมยังเขียนบทความไว้ในตอน 48 : ข้อสันนิษฐานใหม่เกี่ยวกับอาการตุ่มน้ำใสตามมือ-เท้า ขณะนี้ก็ยังไม่จบเลยนะครับ และช่วงเวลาเดียวกันนี้ ผมกมีเรื่องมาแทรกอีก 2 เรื่องคือ แผลกดทับ (บังเอิญ) ที่ก้น ซึ่งในความคิดของผมไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพราะเรารู้ตัวตลอดว่าเป็นระดับไหน สาเหตุคืออะไร และมีวิธีใหม่ในการรักษา แต่ผมอาจจะต้องแบ่งเป็นสัก 3-4 ตอน ลองตามอ่านกันดูนะครับ ขอเคลียร์งานตัวอื่นก่อนครับ
อีกเรื่องที่เข้ามาแทรกก็คือ การที่สายสวนของผมต้องตันบ่อยๆ น่าจะเป็นเพราะการติดเชื้อ เพราะตะกอนเยอะมากครับ ดังนั้นในบทความนี้ก็ตรงเข้าประเด็นเลยนะครับ
ในอดีตจากประสบการณ์เกี่ยวกับสายสวนตัน ของผม หลักๆ แล้วคือ เกิดจากการไม่ปลอดเชื้อขณะมีการเปลี่ยนสายสวน ซึ่งผมผ่านเหตุการณ์ช่วงสำคัญๆ ที่ตะกอนเยอะกๆ มาได้หลายครั้ง เนื่องจากถ้าเป็นตะกอนมากๆ แล้ว ต้องใช้เวลาหลายวัน หรืออาจเป็นเดือนถึงจะดีขึ้น เช่น พี่เลี้ยง ที่คอยดูแล แต่เปลี่ยนสายสวนไม่เป็น ผมก็สอนพี่เขาเลย กว่าจะทำจนผมถูกเปลี่ยนสายสวนแล้ว ไม่มีตะกอนล่อเข้าไปตั้ง 3 เดือน ซึ่งบางครั้งเปลี่ยนเช้า แล้วเย็นจำเป็นต้องเปลี่ยนก็มี คือวันเดียวเปลี่ยนสายสวน 2 ครั้งเลยครับ
1 ในวิธีที่ผมต้องการให้พี่เลี้ยง เปลี่ยนเป็น มีความมั่นใจในการเปลี่ยนสายสวน คือสั่งให้เปลี่ยนบ่อยๆ ซึ่งโดยปกติ ผมต้องเปลี่ยนทุก 10-15 วันอยู่แล้วครับ ผมยอมเสียค่าช้จ่ายด้านเวชภัณฑ์เพิ่ม และสั่งให้เปลี่ยนทุก 7 วัน ก็ทำให้พี่เลี้ยงคล่องขึ้น ไม่ใช่นานๆ ทำที ลืมที พอดีกันติดเชื้อ ส่งผลให้ตะกอนเยอะ และจต้องเสียค่าใช้จ่ายตามมาอีกมากมายโดยไม่รู้ตัว ตามตำรา "เสียน้อย เสียยาก เสียมาก เสียง่าย" จึงต้องหาวิธีสอนเขาให้เกิดความชำนาญ และไม่พลาดขั้นตอนสำคัญๆ ที่ต้องปลอดเชื้อ
ดังนั้นครั้งนี้ หรือช่วงนี้ ซึ่งก็น่าจะ 3 เดือนแล้ว ที่ผมมีตะกอน อาจจะมาจากสาเหตุข้างต้นเช่นกัน ซึ่งน่าจะมาจากขั้นตอนการเปลี่ยนสายสวนไม่ปลอดเชื้อ เท่าที่ผมสังเกตุดู มีหลายขั้นตอนที่เป็นโอกาสให้เกิดการติดเชื้อได้ครับ แต่โดยส่วนตัว อาจเป็นไปได้ว่า ตัวผมเองก็พอรู้ เพราะศึกษาเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่เป็นใหม่ๆ แล้ว จึงไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ คือเรียกว่ารู้ว่ามันยังไม่อันตราย และที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า นางพยาบาลที่คอยดูแลเรื่องเปลี่ยนสายสวนให้ผมตลอด 6 ปีกว่ามานี้ น่าจะกำลัง In Love อยู่เลยหายไปเลย มือถือก็ติดต่อไม่ได้ สงสัยต้องไปตามถึงโรงพยาบาลพญาไท 1
ช่วงนี้เองที่ผมต้องพบกับความยุ่งยาก วุ่นวาย สับสนไปหมด เพราะถุงฉี่ (ถุงเก็บปัสสาวะ) ที่ซื้อมาใช้งาน มันน่าจะรั่ว แถมรั่วซะเกือบหมดเลย เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีก แต่ว่ารั่วบนนะครับ แล้วเรารู้ได้อย่างไร ง่ายนิดเดียวครับ (ลองอ่านพื้นฐานง่ายๆ ที่ตอน 50 : "ถุงฉี่" อุปกรณ์ใกล้ตัวที่อาจทำร้ายเราอย่างคาดไม่ถึง ) คือมันมีฟองอากาศขึ้นมาตามสายตลอด นานๆ เข้า ก็เลยต้องมานั่งวิเคราะห์ว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร เช่น
ใช้ความรู้เรื่องอากาศต้องลอยขึ้นที่สูงเสมอ เพื่อนำมาประยุกต์การไล่สายยางบริเวณถุงฉี่ ไม่ให้มีตะกอนมาค้าง เป็นต้น
เอาเทปไมโครปอมาแปะทับตามตะเข็บของถุงฉี่ เพื่อไม่ให้อากาศเข้า และรอเวลาเปลี่ยนสายสวน
เทปัสสาวะไม่หมดซะทีเดียว เหลือไว้เพื่อไม่ให้อากาศย้อนเข้ามาตามท่อปล่อยฉี่ได้
โทษความผิดให้กับ "ถุงฉี่" ที่ออกแบบ "ท่อปล่อยฉี่" ไม่ดี ในรุ่นที่ผมใช้ เพราะรุ่นที่ต้องกดเปลี่ยนซ้ายไปชวา หรือขวาไปซ้าย หาซื้อยากมากๆ
ครับ อย่างไรก็ดี ถ้าผมไม่ติดเชื้อ และปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะไม่เป็นตะกอน เรื่องยุ่งๆ ก็คงไม่เกิด ซึ่งในตอนหน้าผมจะมาพิมพ์ให้ได้อ่านกันครับ ว่าสิ่งที่เกิดกับผม มันเป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดกับผมแบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ครับ
ตอนนี้ชักยาวแล้วครับ ผมขอจบแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยก่อนนะครับขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ
Preeda Limnontakul (SCI-C6)
Managing Directormobile : 086-322-9307
Email : preeda.limnontakul@gmail.com
PWD Outsource Managrment Co., Ltd.
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd.,
Pakkred, Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-6083, Fex.: 02-582-1759
Website : www.pwdom.com
